Category ข่าวบันเทิง

ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ หนัง

รีวิวหนัง "ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์" ความคมคายอาจยังไม่ถึง แต่มีดีที่งานซีจีไม่น้อยหน้าใคร

คงจะต้องยอมรับกันแบบตรง ๆ ว่าภาพยนตร์ไทย ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ เรื่องนี้ ขึ้นอยู่กับความเชื่อและพลังศรัทธาส่วนบุคคลแท้ ๆ ถึงแม้ว่าหน้าหนังไม่ได้มีอะไร ดึงดูดความสนใจอะไรได้มากนัก ไม่มีนักแสดงเบอร์ใหญ่ ไม่มีพลังพีอาร์ระดับเทพ

แต่ว่า “ไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์” ก็กลายออกมาเป็นหนังไทย ที่เคลมว่าเป็นแอคชั่นแฟนตาซี ผสมผสานตำนานกล่าวขาน ที่เหนือธรรมชาติกับความเชื่อของคนท้องถิ่น บางครั้งก็อาจจะฟังดู เป็นหนังแฝงการโปรโมท สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไปหน่อย แต่ว่าปรากฏว่าเนื้อในของหนังนั้น ก็ไม่ใช่แบบที่คิดไว้

ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ วัด

ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ เล่าย้อนไปในอดีต พระธุดงค์ผู้มีญาณบารมี สูงส่งรูปหนึ่งได้นำดวงจิตของเด็กผู้ชายวัย 10 ขวบ

มาพำนักไว้ที่วัดร้างบ้านฉลอง อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช โดยได้กำชับ “ให้อยู่เฝ้าสถานที่แห่งนี้ จนจะมีผู้มีบุญญาธิการมาถึง” เด็กผู้ชายผู้นั้น ก็อุทิศตนรักษาสัจจะ ที่ให้ไว้กับพระธุดงค์ตลอดมา เวลาล่วงเลยอีกเกือบจะร้อยปี เก่ง และก็ เปี๊ยก สองพี่น้องเดินทางพนันชนไก่ จากพระนครสู่เมืองนครศรีธรรมราช

เก่งเอาไอ้แดงไก่ชนคู่ทุกข์คู่ยาก ไปชนกับไก่ของนักเลงเจ้าถิ่นจนแพ้พนันหมดตัว เก่งและก็เปี๊ยกหลบหนี และก็จะต้องไปอาศัยวัดร้างแห่งหนึ่ง เป็นที่อยู่อาศัยชั่วคราว แล้วก็นี่คือจุดเริ่มแรกที่ทั้งคู่ ได้เจอกับเด็กคนชายผู้นั้นในวัดร้าง เก่งเรียกเขาว่า “ไอ้ไข่” โดยที่เก่งไม่เคยเอะใจเลยว่า ไอ้ไข่ไม่ใช่เด็กธรรมดา

นักเลงเจ้าถิ่นที่เก่งไปมีเรื่องมีราว ในการพนันไก่ชนนั้น เป็นลูกชายของ ขุนสมาน ผู้กว้างขวางแห่งสิชล ขุนสมาน เองก็พยายามที่จะขุดหาสมบัติ ในวัดร้างนั้นมาเก็บรักษาไว้เอง อยู่หลายที แต่ไม่เคยสำเร็จ เพราะเหตุว่าอิทธิฤทธิ์ไอ้ไข่ ที่คอยคุ้มครอง ไล่ ไม่ให้พวกคนใจโฉด เข้ามาลักขโมยสมบัติร้อนถึง เสือเมือง จอมขมังเวทย์ที่รีบเริ่มเดินทางมาถึงบ้านฉลอง

เพื่อเข้าสมทบกับขุนสมาน จัดเตรียมจัดการไอ้ไข่ขั้นเด็ดขาด ไอ้ไข่จะยืนหยัดต่อสู้ เพื่อรักษาสมบัติ ตามคำมั่นที่เคยให้ไว้กับพระธุดงค์ได้หรือเปล่า? ส่วนเก่งก็เคลือบแคลงใจ|หัวใจว่าไอ้ไข่ไม่ใช่มนุษย์ มิตรภาพจึงเกิดรอยร้าวครั้งใหญ่ บทพิสูจน์แห่งศรัทธา รวมทั้งปาฏิหาริย์กำลังท้าทาย ทุกตำนานที่เคยเกิดขึ้น

สำหรับหนังเรื่องนี้ เป็นฝีมือของผู้กำกับหนังไทย ที่คร่ำหวอดมาเป็นสิบปี อย่าง “ธีรธร เชาวนโยธิน” ที่มักจะถนัดงานสร้างภาพยนตร์สยองขวัญ หรือหนังที่แฝงไปด้วยแง่คิดกฎแห่งกรรม ถึงแม้ผลงานของเขาที่ผ่าน ๆ มาบางทีอาจไม่เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตา แล้วก็วงการภาพยนตร์ไทยสักเท่าไหร่ แต่ว่าการได้มาหยิบจับงานสร้างภาพยนตร์ ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ เรื่องนี้ก็นับได้ว่าเป็นลับคม ฝีมือของเขาได้ดีไม่น้อย แสดงให้เห็นว่างานที่สเกลใหญ่ขึ้น เขาก็สามารถรับมือกับมันได้อยู่

ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ นักแสดง

อาจจะต้องบอกกันตรง ๆ ว่า ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ ยังไม่ใช่หนังที่สมบูรณ์แบบ

ในทุกด้านแต่อย่างใด หนังยังเต็มไปด้วยจุดโหว่ แล้วก็ช่องว่างเยอะแยะเต็มไปหมด การเล่าเรื่องของหนังค่อนข้างยวนยาน เกินจำเป็นไปสักหน่อย เพราะเหตุว่ามัวไปเสียเวลา อยู่กับการปูเรื่องแล้วก็เกริ่นเรื่องในช่วงครึ่งแรกเป็นชั่วโมง แต่ว่าพอสามารถจับทาง รวมทั้งเข้าเนื้อหาของหนังได้แล้วนั้น ก็จัดว่าตัวหนังค่อนข้างไหลลื่นได้ดียิ่งขึ้น แม้ว่าจะยังเป็นรสชาติ ที่มิได้ให้ความอร่อยแบบธรรมชาติ สักเท่าไหร่นัก

จังหวะการตัดต่อแล้วก็ลำดับเรื่องราวในหนัง ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ยังคงค่อนข้างจะต้องปรับอยู่อีกหน่อย เพราะเหตุว่าเป็นจุดที่คอยตัดอารมณ์ของหนังไปบ่อยครั้ง ยังไม่มีความละมุนในการ ใส่จุดเชื่อมโยงแต่ละฉาก และก็ซีนไปอย่างน่าเสียดาย ทั้งยังแอบเห็นว่า บางจุดก็ใส่เข้ามา เกินจำเป็นไปสักหน่อย แล้วก็บางซีนเหมือนจะยังลืม ๆ ใส่องค์ประกอบที่ครบถ้วนเข้าไปอยู่บ้าง แต่ว่าเป็นเพียงจุดเล็กน้อย ที่แทบสังเกตไม่เห็นด้วยซ้ำ

ทางด้านการแสดงที่ต้องยอมรับว่า แทบจะไม่มีนักแสดงเบอร์ใหญ่ ๆ เลยในหนังเรื่องนี้ แต่ว่าก็มีนักแสดงหลายคนที่ช่วยกัน ประคับประคองหนังเรื่องนี้ กันไปให้ตลอดรอดฝั่ง ซึ่งก็ต้องชื่นชมการแสดง และการแบกรับหนังเรื่องนี้ ของนักแสดงหนุ่ม “ต้น ศักราช” ที่เหมือนจะมีประสบการณ์ ทางการแสดงมากที่สุด ในบรรดาดารานำที่มีอยู่ แล้วก็เป็นตัวละครที่คอยช่วยพยุงหนังไว้ภายในหลาย ๆ จุด ถึงแม้มิติบทที่เขาได้รับนั้น แทบไม่มีอะไรเลย แล้วก็ออกจากน่ารำคาญ ไปสักด้วยซ้ำ ไปฝีมือการแสดงของเขา เอาได้อยู่

ในเวลาที่ท่าทางการแสดงของ น้องโกฮัง ณัฐวรรธ ที่มารับบทบาทหนักในหนังเรื่องนี้ ก็ต้องว่ายังไม่มีอะไร ที่น่าจดจำสักเท่าไหร่ แต่น้องก็นับว่าพยายาม แสดงศักยภาพออกมาได้อย่างเต็มที่ ถึงการแสดงจะยังต้องฝึกฝนอีกต่อไป แต่ก็นับว่าการเลือกน้อง มารับบทเป็นไอ้ไข่ในคราวนี้ เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมดี โดยเฉพาะอย่างลักษณะกายภาพของน้อง ที่นับว่าค่อนข้างเหมาะสมกับตัวบทนี้ บางทีอาจยังไม่ใช่การแสดงที่ดีนัก แต่เชื่อว่าน้องจะ พัฒนาได้ดียิ่งขึ้นถัดไปแน่ ๆ

ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ เฝ้า

ส่วนทีมนักแสดงคนอื่น ๆ ก็พากันช่วยแบกหนังเรื่องนี้ สักอย่างเต็มประสิทธิภาพ

ไม่ว่าจะเป็น “ครีมมี่ พลอยปภัส”, “โอโบ ธีรยา” หรือแก๊งรุ่นใหญ่ “ปราปต์ปฎล สุวรรณบาง”, “โกวิท วัฒนกุล” หรือ “บุ๋มบิ๋ม สามโทน” มาช่วยเป็นคาแรกเตอร์เสริม ที่ทำให้หนังดูเติมเต็มเพิ่มขึ้น แม้ว่าบทบาทรวมทั้งคาแรกเตอร์ของพวกเขานั้น แทบไม่มีอะไรแปลกใหม่ และตื้นเขินไปเสียหมดก็ตามที

แต่สิ่งหนึ่งต้องปรบมือให้เสียงดัง ๆ ให้กับ ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์เรื่องนี้ ก็คืองานออกแบบเทคนิคพิเศษ และก็ซีจีต่าง ๆ เป็นที่ยอมรับว่าหนังทำออกมา ได้ค่อนข้างจะดีกว่า ที่คาดเอาไว้มากทีเดียว แม้ว่าจะไม่ได้องค์ประกอบนี้ ออกมาฟุ่มเฟือยเท่าไร แต่เห็นได้ชัดว่า เวลาใส่ออกมาแต่ละฉากนั้น ค่อนข้างพิถีพิถัน แล้วก็ใส่ใจงานซีจี อย่างละเอียดที่น่าพึงพอใจเป็นอย่างดี นับได้ว่าเป็นหนังที่มีดี ที่งานซีจีและไม่ใส่งานหยาบ ๆ ออกมาดูถูกผู้ชมเป็นอย่างยิ่ง

นอกเหนือจากนั้น ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ ยังมีองค์ประกอบอื่น ๆ ที่ค่อนข้างจะน่าพอใจอีกเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น องค์ประกอบศิลป์ต่าง ๆ ที่เซ็ตฉากออกมาได้ค่อนข้างจะน่าสนใจ รวมทั้งงานถ่ายภาพ รวมทั้งดีไซน์ภาพในหนังเรื่องนี้ มีหลาย ๆ ฉากที่ทำออกมาได้สวย อีกทั้งยังพยายามใส่มุมกล้องแบบใหม่ ๆ เข้ามาเป็นแนวทางที่แปลกใหม่ ในหนังไทยได้ดีอีกด้วยเหมือนกัน

โดยภาพรวมแล้วนั้น ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์นับว่าเป็นหนังที่พอดูได้เพลิน ๆ บางทีอาจยังไม่เข้าใกล้ คำว่าสมบูรณ์แบบมากนัก แต่ก็จัดได้ว่า มีองค์ประกอบหลาย ๆอย่างที่น่าพึงพอใจดี บทหนังกับการเล่าเรื่องบางทีอาจ ยังเป็นจุดอ่อนไปสักนิด แต่ก็มีสิ่งอื่นเข้ามาทดแทน จุดด้อยของหนังได้อย่างดีเยี่ยม แม้ว่าก่อนที่จะเข้าไปดูหนังเรื่องมีความคิดส่วนตัวว่า จะเป็นหนังที่เชื่อมโยงโปรโมท กับความเชื่อท้องถิ่นมากแน่นอน แต่ผลสรุปที่ออกมากลับไม่ใช่ นี่ก็คือหนังที่ผลิตมาจากตำนานเล่าขานของชาวใต้ ที่เต็มไปด้วยความเคารพ และความเชื่อ ที่มาจากพลังใจอย่างแท้จริง

 

M3GAN หุ่นสุดสยอง

US Boxoffice ยัยหุ่น "M3GAN" เฮี้ยนกระหึ่ม สู้สุดใจแข่งขันรายได้ "Avatar 2"

นับว่าโลกได้อ้าแขน ต้อนรับการมาของ M3GAN หุ่นสาวสุดสยองตัวใหม่ ที่กระหึ่มไม่เบา เป็นการประเดิมเริ่มเปิดปีใหม่ ได้อย่างเป็นปรากฏการณ์ ถึงแม้ว่าพลังความแรงของเธอ บางทีก็อาจจะยังแรงไม่พอ ที่จะแซงหน้าแชมป์เก่า หนังบ็อกซ์บัสเตอร์เรื่องมหึมา แต่ว่าก็สามารถแย่งซีน แล้วก็สร้างกระแส ทำให้เหล่าชาวนาวี แผ่วแรงลงไปบ้างได้แบบนี้ ถือว่าเป็นบ็อกซ์ออฟฟิศ เริ่มต้นปีได้อย่างน่าสนใจไม่เบา

M3GAN อวตาร2

และแน่นอน ว่าสุดสัปดาห์นี้ “Avatar: The Way of Water”

ก็ยังคงครองบัลลังก์ได้อีกต่อไป ไปสู่อาทิตย์ที่ 4 ต่อเนื่อง กันอย่างงดงาม ผ่านช่วงเทศกาลวันหยุดไปแล้ว แต่รายได้ ก็ยังน่าพึงพอใจอยู่ เก็บไปได้อีก 45 ล้านเหรียญ ลดน้อยลงมาเพียงแค่ -33% พร้อมทั้งยังครองรอบ และโรงฉายทั่วอเมริกาได้มากที่สุดต่อไป โดยสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังมีการเพิ่มโรงฉายขึ้นอีก โดยประมาณหนึ่ง แต่ว่ารายได้เฉลี่ย ต่อโรงก็ยังสู้ แตะหลักหมื่นเหรียญแบบ ไม่ยอมตกลงมา

รายได้รวมในอเมริกาตอนนี้ทะยานไปที่ 516 ล้านเหรียญ ส่วนรายได้รวมทั่วโลก ในขณะนี้ก็พุ่งไปอยู่ที่ 1.7 พันล้านเหรียญ

ขยับขึ้นมาอยู่อันดับ ที่ 7 ของรายได้หนังทำเงินสูงสุด ตลอดกาลของโลก และก็ดูทรงแล้วว่า ก็ไปสู่รายได้ 2 พันล้านเหรียญ น่าจะไม่ได้ใช่อุปสรรคอีกต่อไปแล้ว คาดว่าน่าจะใช้เวลาอีกประมาณ 10 วันหลังจากนี้ เราน่าจะได้เห็นหนังเรื่องนี้ ก้าวขึ้นสู่หนัง 2 พันล้านเหรียญ ซึ่งจะกลายเป็นเรื่องที่ 6 ในประวัติศาสตร์ ที่ทำได้

ส่วนสัปดาห์นี้ ก็จะต้องเปิดทางให้กับนาง “M3GAN” หนังหุ่นพี่เลี้ยงสะพรึง เป็นหนังใหม่ ที่เปิดตัวเรื่องแรกของปี 2023 กับปรากฏการณ์ที่ไม่ธรรมดา เพราะเหตุว่าหนังสามารถ ฟันรายได้ 3 วันแรก ไปได้มากถึง 30.2 ล้านเหรียญ จาก 3,509 โรงฉายทั่วประเทศ

หรือคิดเป็นรายได้ เฉลี่ยต่อโรง ที่ราว ๆ 8 พันเหรียญเศษ ๆ ที่ถือว่าแรงพอได้เลย หนังเรื่องนี้ ได้ทีมผู้สร้างจากโปรดิวเซอร์ “เจมส์ วาน” ที่มีชื่อเสียงว่า เป็นเจ้าพ่อหนังสยอง มาช่วยปลุกความหลอน และก็ยังผนึกกำลังกับ บลัมเฮาส์ อีกด้วย

M3GAN นักแสดง

ข้อได้เปรียบของ M3GAN

ก็บางทีอาจเป็นเพราะว่าเป็นหนังสยอง ที่ถูกจัดเรทแค่เพียง PG-13 ทำให้สามารถกวาด กลุ่มผู้ชมวัยุรุ่น ที่เป็นกลุ่มที่ผลักดันนำมาซึ่งกระแสไวรัล ท่าเต้นอันเป็นตำนานล่าสุด

ตอนนี้เข้าไปซื้อตั๋วดูหนังได้เป็นอย่างดี อีกทั้งหนังยังได้กระแสตอบรับค่อนข้างจะดี จากนักวิจารณ์อีกด้วย เห็นได้จากคะแนน บนเว็บไซต์ Rotten Tomatoes ที่สูงถึง 95% หลายท่านแซวว่า สูงยิ่งกว่าหนังซูเปอร์ฮีโร่ ยุคนี้ด้วยซ้ำ

M3GAN หนังดี

แน่นอน ว่าหนังเรื่องนี้ ได้ดีเพราะกระแสปากต่อปาก

จากผู้ชมโดยแท้จริง ทำให้หนังสามารถ ทำเงินเปิดตัวได้สูงกว่า ที่สตูดิโอแล้วก็นักวิจารณ์คาดเอาไว้ โดย M3GAN ใช้ทุนสร้างไปแค่เพียง 12 ล้านเหรียญเท่านั้น แม้ว่าจะไม่ได้ใช้นักแสดง ที่มีชื่อเสียงอะไร แต่ว่าเนื้อหาของหนัง ก็ดึงดูดความสนใจได้ดี แล้วก็ปัจจุบันนี้หนังก็สามารถเปิดตัว กับรายได้รวมทั่วทั้งโลกได้มากกว่า 45 ล้านเหรียญแล้ว

ที่ยังทำผลลัพธ์ ได้อีกเรื่องก็คือ “Puss in Boots: The Last Wish”

ที่เป็นไปตามคาดว่า หนังจะสามารถโกยรายได้ ได้ยาว ๆ เพราะว่าในตอน 1-2 เดือนนี้ จะยังไม่มีหนังแอนิเมชั่น เรื่องใหม่ออกฉายเลย แล้วก็คำวิจารณ์ และก็แรงเชียร์แบบปากต่อปาก ก็ช่วยส่งเสริมหนังเรื่องนี้อย่างดีเยี่ยม

หนังทำเงินไปอีก 13.1 ล้านเหรียญ ลดน้อยลงไปเพียง -22% แล้วก็มียอดรวม ในบ้านไปแล้วที่ 87 ล้านเหรียญ ส่วนรายได้รวมทั่วโลก ในตอนนี้ก็ใกล้แตะ 200 ล้านเหรียญแล้ว

“A Man Called Otto” หนังตลกร้ายรีเมคของ “ทอม แฮงก์ส” ที่ฤกษ์เปิดฉาย เป็นวงกว้างมากขึ้นในอาทิตย์นี้ ก็สามารถทำเงิน ทะยานขึ้นมาติด Top 5 ได้ กับรายได้ 4.2 ล้านเหรียญ จากเพียงแค่ 637 โรงฉายทั่วอเมริกา หรือคิดเป็นรายได้เฉลี่ย ที่ราว 6 พันเหรียญเศษ

ถือว่าเป็นการออกสตาร์ท ที่น่าพอใจ ถึงแม้ว่าหนังจะ ยังมิได้ฉายวงกว้างเต็มสตริม แต่มีแผนที่จะขาย ไปถึงกว่าพันโรง ในครอบคลุมทั่วประเทศต่อไป เพียงแต่ว่าหนังจะมี กระแสบนเวทีรางวัลมา ช่วยหนุนหรือเปล่า

นอกเหนือจากนั้นที่ปลายตารางยังมี “The Whale” หนังดราม่าลุ้นรางวัล ทางการแสดงของ “แบรนเดน เฟรเซอร์” ที่มีลุ้นจะได้ออสการ์ ยังทำเงินได้ดี ไปอีก 1.5 ล้านเหรียญ โดยมีการเพิ่มโรงฉายมากขึ้นอีกหน่อย เป็น 835 ที่ทั่วประเทศ

แม้ว่าจะยังมิได้ฉายแบบเต็มรูปแบบ ทั่วอเมริกา แต่ว่าเวลานี้ก็เก็บรายได้ มาตุนเอาไว้ที่ 8 ล้านเหรียญเศษ ๆ หนังยังมีอนาคตอีกไกล ไปจนช่วงฤดูกาลล่ารางวัล จะสิ้นสุดลงในมีนาคม

สำหรับอาทิตย์ที่จะถึงนั้น ที่นอกเหนือจากที่จะมี A Man Called Otto ขยายโรงฉายเป็นวงกว้างขึ้น หลักพันโรงฉายทั่วอเมริกาแล้ว ยังมีหนังใหม่มาอีก 3 เรื่องนี้ ได้แก่ หนังแอคชั่นเรื่องใหม่ของ “เจอราร์ด บัตเลอร์” ที่เตรียมแลนดิ้งใน “Plane” ตามมาด้วยหนังตลกรีเมค ที่เฉพาะกลุ่มคนอเมริกันผิวสี “House Party” และหนังเขย่าขวัญไซไฟ “The Devil Conspiracy” มีแผนจะฉาย ในวงค่อนข้างจะกว้าง

อั้ม พัชราภา เลิกราแฟน

ปิดฉากรัก 5 ปี ไฮโซพก ประกาศยุติความสัมพันธ์กับ อั้ม พัชราภา

ภายหลังที่เป็นประเด็นร้อนมา ตั้งแต่ตอนต้นปีที่ผ่านมา สำหรับข่าวลือจบความสัมพันธ์ ระหว่างนางเอกซุปตาร์ตัวแม่ อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ กับแฟนหนุ่ม ไฮโซพก ประธานวงศ์ พรประภา ทำเอาคนจำนวนไม่น้อยโยงไปว่า ต้นเหตุของการเลิกราคราวนี้ อาจเป็นเพราะมีมือที่ 3 เข้ามาเกี่ยว

ล่าสุดวันที่ (4 เดือนมกราคม) ไฮโซพก ได้ออกมาประกาศกลางไอจีสตอรี่ ขอตกลงยุติความสัมพันธ์กับ อั้ม พัชราภามาสักระยะนึง ด้วยเหตุผลของคนสองคน ซึ่งไม่มีมือที่ 3 เข้ามาเกี่ยวแน่ ๆ

อั้ม พัชราภา ไฮโซพก

โดยข้อความดังกล่าว ระบุว่า

“ผมเห็นข่าวแล้ว ไม่ค่อยสบายใจจึงตัดสินใจ เสริมเรื่องราวให้นิดหนึ่งนะครับ ปัจจุบันนี้ผมเห็น หลายบุคคลได้โดนโยงเข้ามา ก็เห็นควรที่จะจะต้องออกมา ชี้แจงนิดหนึ่งในเรื่องที่ คิดว่าควรเป็นเรื่องส่วนตัว ผมรู้สึกไม่ดีที่ต้องทำให้ผู้ที่ มิได้เกี่ยวอะไรด้วยเลย ต้องมาเดือดร้อนเพราะว่าเรื่องของผม

ตั้งแต่เราคบกันมา ผมไม่เคยมีแม้แต่ คิดว่าจะมีหรือต้องการมีมือที่สาม ด้วยความที่คุณอั้มเป็นผู้หญิงที่ดี ที่ผมรักและให้เกียรติโดยตลอด จนถึงทุกวันนี้ แม้ว่าเราได้ตัดสินใจยุติความสัมพันธ์มาระยะนึง (หลังวันเกิดนิดนึง) ด้วยเหตุผลของคนสองคน

เกือบ 5 ปีที่ผ่านมา คุณอั้มเป็นคนที่ดี และดีกับผมและครอบครัวมากตลอด เรามีทั้งเวลาทุกข์ รวมทั้งเวลาที่สุข และพยายามมาด้วยกันมาก จนกระทั่งวันนี้ผมก็ยัง ให้เกียรติคุณอั้มเสมอ ผมขอขอบคุณทุกคน ที่เป็นกำลังใจให้เราสองคนมาโดยตลอด”

ทั้งนี้ มีนางเอกหลายคน ที่ถูกโยงว่าเป็นมือที่สาม

มิน

มิน พีชญา ลั่นไม่ใช่นางเอก ม. มือที่ 3 ฉก ไฮโซพก จากอก อั้ม พัชราภา

อยู่ดี ๆ ก็งานเข้าแบบไม่ทันรู้ตัว สำหรับนางเอกหน้าสวย มิน พีชญา วัฒนามนตรี ที่ติดโผเป็นหนึ่งในนางเอก ม. ที่ถูกเม้าท์สนั่นโซเชียลฯ ว่าเป็นนางเอกดัง ซุ่มเงียบเป็นมือที่สามแย่งไฮโซ พก ประธานวงศ์ พรประภา แฟนหนุ่ม ของนางเอกซุปตาร์ อั้มพัชราภา ไชยเชื้อ ที่กำลังมีข่าวลือรัก 5 ปีร้าว อยู่ในขณะนี้

โดย มิน พีชญา เปิดเผยว่า “กับข่าวนี้ มินตกใจมาก และงงมากว่าจู่ ๆ หวยมาออกเป็นมินได้อย่างไร เพราะมินเองก็อยู่ของมินเฉย ๆ ตอนแรกมีพี่ ๆ เพื่อน ๆ ที่สนิทหลายคนส่งข่าวนี้ มาให้อ่านว่ามีข่าวลือนางเอก ม.ม้า แย่งแฟนนางเอกซุปตาร์ มินเองก็ยังเฉย ๆ นะ เนื่องจากว่าเราไม่ได้เกี่ยวอะไรอยู่แล้ว แต่ว่าไป ๆ มา ๆ มีคนเข้ามาคอมเมนต์ ในอินสตาแกรมของมิน เข้ามาไดเรกต์ข้อความ ในอินสตาแกรมของมิน เราก็เลยรู้สึกไม่ดี

ด้วยเหตุนี้มินขออธิบายตรงนี้เลยนะว่า ข่าวลือนี้ ไม่ใช่มินแน่ ๆ ล้านเปอร์เซ็นต์ค่ะ มินขอร้องว่า อย่าดึงมินเข้าไป เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้ด้วยเลย เราอยู่ของเราเฉย ๆ และที่ผ่านมามินก็ย้ำมาตลอดว่า ในขณะนี้เราเองก็ยังโสด รวมทั้งถึงจะมีคนคุยอยู่อย่างที่เคย ให้สัมภาษณ์ไปหลาย ๆ ครั้ง แต่เราก็ไม่เคยคุยกับใคร ที่มีแฟนแล้ว หรือคิดที่จะไปแย่งแฟนใครแน่ ๆ ค่ะ”

แมท

แมท ภีรนีย์ เคลียร์ชัดหลัง ถูกโยงเป็นมือที่ 3 อั้ม พัชราภา – ไฮโซพก เลิกกัน

หลังจากที่นางเอกหน้าสวย แมท ภีรนีย์ คงไทย ถูกโยงเป็นหนึ่งในนางเอก ม. ที่ถูกเม้าท์ลั่นโซเชียลว่า คือนางเอกดังซุ่มเงียบ เป็นบุคคลที่สามแย่ง ไฮโซพก ประธานวงศ์ พรประภา แฟนหนุ่ม ของนางเอกซุป’ตาร์อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ ที่กำลังจะมีข่าวลือรัก 5 ปีร้าว อยู่เวลานี้

ปัจจุบัน ทางผู้จัดการส่วนตัวสาว แมท ภีรนีย์ ได้ให้สัมภาษณ์ โดยเผยว่า “ยอมรับว่ามีการจับมือกันจริง เพราะว่ามันเป็นงานปาร์ตี้ปีใหม่ ในคืนเคาท์ดาวน์ วันที่ 31 ธ.ค. ก่อนหน้าที่ผ่านมา และพบกันเพียงวันนั้นวันเดียว

ซึ่งในงานคืนนั้น ก็มีการเต้น และก็จับมือทักทายกันปกติ แต่ว่ามิได้มากกว่าพี่น้องแน่ ๆ เพราะว่าเราก็อยู่ในงานนั้นด้วย รับรองว่าแมทไม่ใช่ มือที่สามแน่นอน ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างแมทกับพี่สงกรานต์ก็ยังดีกันอยู่”

ปราง

เดี๋ยวก่อน ปราง กัญญ์ณรัณ ตอบปมมือที่ 3 อั้ม-ไฮโซพก

เดี๋ยวนี้นักสืบโซเชียลทำงาน กันอย่างหนัก หลังมีกระแสข่าวลือหนาหูออกมาว่า “ไฮโซพก ประธานวงศ์” กับนางเอกสาว “อั้ม พัชราภา” ได้เลิกกันเงียบ ๆ ดังที่มีกระแสข่าวออกไป อย่างล้นหลาม

หากเลิกกันธรรมดาก็ว่าไปอย่าง เพราะทั้งคู่ถือเป็น คู่ที่หลาย ๆ คนลุ้นให้ลงเอยด้วย การแต่งงาน แต่มีข่าวเม้าท์ว่า ที่เลิกกันเป็นเพราะมือที่ 3 แล้วก็มือที่ 3 ไม่ใช่คนอื่นไกลเป็นคนภายในแวดวงบันเทิง รวมทั้งที่สำคัญเป็นคนที่ทุกคนรู้จัก

จากนั้นมีเพจชื่อดัง ปล่อยอักษรย่อ ออกมาว่าเป็น ป. งานนี้หวยดันไปออก ที่นักแสดงสาว “ปราง กัญญ์ณรัณ” ที่เพิ่งจะโสดมาได้ไม่นาน ต่อมามีชาวเน็ต เข้าไปคอมเมนต์ ในไอจีของสาว “ปราง” ว่าขออย่าให้เป็นเรื่องจริง

ต่อมาด้านผู้จัดการสาว “ปราง” ได้เปิดเผยว่า… “ไม่ใช่แน่ ๆ ทัวร์ไม่ต้องมาลงลูกสาว ซึ่งตัวเองได้โทรถามปรางแล้ว ถึงข่าวที่เกิดขึ้น ปรางมิได้ตกใจ ทั้งยังพูดว่ารู้อยู่แล้ว ต้องเจออย่างนี้เลยเฉย ๆ นั่งอ่านคอมเมนต์ผ่าน ๆ พร้อมด้วยย้ำอีกว่าไม่ใช่ลูกสาวแน่ ๆ”

 

แอล กมลวรรณ เผยว่า

"แอล" ย้ำขับรถรูดริมทางเพราะวูบ เปล่าเมาแล้วขับ ลั่นพร้อมรับผิดชอบไม่หนีแน่นอน

เป็นข่าวดังกรณีนักแสดงสาว แอล กมลวรรณ สุทินเผือก ขับรถพุ่งชนรถริมถนนเสียหาย หลายคันที่พัทยา ชลบุรี ต้นเหตุด้วยเหตุว่าเกิดอาการวูบ แต่ก็มีเสียงเม้าท์ว่า เป็นเนื่องจากว่าเมาแล้วขับหรือเปล่า? ปัจจุบันสาว แอล ขอเคลียร์ใน งานประกาศรางวัล ไทยแลนด์ ดิจิทัล อวอร์ด 2022 ครั้งที่ 4 โดยเล่าว่า

“วันนั้นแอลไปพัทยากับคุณแม่ รวมทั้งน้องชายเป็นวันเกิดของคุณน้า ราว 5 ทุ่มกว่า ก็กลับกัน แอลเป็นคนขับแล้วจู่ ๆ มันก็รู้สึกวูบไปเลย คือแอลมีอาการวูบเป็นประจำ แต่ว่าไม่เคยวูบตอนที่ขับรถ คือแอลเป็นความดันต่ำ ต้องกินยาบำรุงเลือด แต่ว่าปกติเรามีคนขับ แต่วันนั้นเราอยากจะไปกันเพียงสามคนแม่ลูก มันก็เลยเกิดเหตุการณ์อย่างงั้นขึ้น มารู้ตัวอีกที มันก็ชนไปแล้ว

หนูก็รีบวิ่งลงไป แล้วก็ไปยกมือไหว้เขา พูดว่าพี่คะ มีใครเป็นอะไรมั้ยคะ มีใครเจ็บมั้ย หนูขอโทษนะคะ ขอโทษพี่วินมอไซค์ ขอโทษเจ้าของร้านข้าวต้ม ขอโทษทุกคนทั้งหมดค่ะ ไม่ได้มีการหลบหนี รวมทั้งทุกคนเขา ก็เป็นพยาน เพราะพวกพี่วินมอไซค์ ก็พูดออกข่าวไปหมดแล้ว แอลก็พร้อมรับผิดชอบทุกอย่าง”

แอล กมลวรรณ ลูกกรุง

แล้วผู้อื่น ทราบมั้ยว่าเป็น แอล กมลวรรณ?

“ไม่ทราบค่ะ เนื่องจากหนูใส่แมสก์ แล้วอีกอย่างคือเรามิได้ อยากให้เป็นข่าวอยู่แล้ว หนูไม่ได้คิดว่ามันจะเป็นข่าวเลย คิดว่ามันจะเป็นอุบัติเหตุ แค่นิดหน่อย ที่เราสามารถจะเคลียร์ได้ เพราะว่าก็ไม่อยากที่จะให้คุณพ่อไม่สบายใจ แล้วเราก็อยู่กับแม่ด้วย มันก็คงจะผ่านไปได้ ในเวย์ของเรา เราสามารถเคลียร์ได้ ภายหลังที่หนูไปเคลียร์กับทุกคน เขาก็ไม่มีสีหน้าโมโหนะคะ ทุกคนนิ่ง ๆ ก็อาจยังงง กับเรื่องที่เกิด ช็อก ๆ ไม่มีการพูดอะไร และมีพี่ ๆ มาถามว่าเราเป็นอะไรมั้ย ซึ่งแอลก็ยังหัวโนอยู่เลย แต่ก็ไม่มีใคร ที่จะโวยวายขึ้นมาค่ะ”

มีคำถามขึ้นมาว่าเราดื่มหรือไม่?

“ไม่ดื่มค่ะ เนื่องจากว่าภายหลังที่รถชนปุ๊บ แอลก็ไป สถานีตำรวจเลย แล้วแอลมีการอัดคลิปวิดีโอ ในตอนที่แอลเป่าแอลกอฮอล์ด้วย และก็มีหลักฐานอยู่ที่ สภ.พัทยา ในโทรศัพท์ก็ยังมีอยู่ค่ะ คือแอลกอฮอล์เป็นศูนย์เลยค่ะ หนูไม่ได้ดื่มเลย แต่ว่าปกติหนูเป็นคนดื่มนะคะ แต่วันนั้นหนูไม่ได้ดื่มจริง ๆ ค่ะ ยืนยันว่าไม่ได้เมา แล้วขับ และไม่มีใครช่วยคดี

เพราะว่ามีคอมเมนต์พูดว่าคุณพ่อเป็น ส.ส. ใครช่วยรึเปล่า แอลบอกตรงนี้เลยว่า ทีแรกคุณพ่อยังไม่ทราบเลยว่าหนูรถชน คุณพ่อหนูทราบตอนเช้า จากข่าวพร้อมคนทั้งประเทศ เพราะว่า ฉะนั้นไม่มีผู้ใดช่วยแอลค่ะ และก็สำหรับแอลนะ ถ้าหากอุบัติเหตุหรือเมาแล้วขับ แอลก็พร้อมรับผิดชอบทุกคน ไม่หนีแน่ ๆ ค่ะ”

แล้วเรื่องค่าเสียหายล่ะ เรารับผิดชอบยังไง?

“เห็นประกันเขาตีค่าเสียหายราว 5 แสน ซึ่งประกันเขารับผิดชอบ หมดทุกอย่างอยู่แล้ว หากมันเกินมาเรา ก็พร้อมรับผิดชอบอยู่แล้ว แต่เราก็มีดูแลไป ส่วนหนึ่งบ้างค่ะ เรามิได้ปล่อยคนไหนทิ้งขว้าง แล้ววันที่เกิดเหตุ แอลก็หัวโน แขนก็เป็นแผล แต่ว่าแอลคุยกับตำรวจ กระทั่งทุกคนได้ใบบันทึกประจำวัน ผู้เสียหายราว 10 กว่าคน แอลรอส่งทุกคนขึ้น รถจนหมด กระทั่งทุกคนสุขใจ หนูถึงไปโรงพยาบาล”

คุณพ่อรู้เรื่องแล้วว่าอะไรบ้าง?

“อันดับแรกเลย คือเป็นห่วง แต่เขารู้ว่าเราไม่ได้เป็นอะไร เราไม่ได้เมา แล้วเราก็อยู่กับคุณแม่ พ่อเขาก็ทราบอยู่แล้วว่า เราไปเที่ยวกันสามคน โดยเหตุนี้ก็ไม่มีอะไร ไม่ใช่ว่าแอลไม่แคร์ คนรอบข้างหรือว่าสังคมนะ แต่ว่าหนูมิได้ทำอะไรผิดอะคะ หนูก็ยอมรับ และก็รับผิดชอบทุกอย่าง”

แอล กมลวรรณ บอก

วิจารณ์สองมุม แอล ลูก กรุง ศรีวิไล โชว์ผลเป่าแอลกอฮอล์

“แอล กมลวรรณ” ดาราสาวสวย ลูก “กรุง ศรีวิไล” ดาราอาวุโส โชว์ผลเป่าแอลกอฮอล์เป็น 0 ให้เห็นจะจะ โต้หนักไร้คนช่วยเหลือ ชาวเน็ตแห่ไลค์ และวิจารณ์อย่างร้อนแรง พร้อมวิจารณ์รัวสองมุม ทั้งให้กำลังใจ และแซะเรื่องการพักผ่อน ก่อนขับขี่รถ

จัดเป็นอีกหนึ่ง ประเด็นร้อนในโลกออนไลน์ ที่หลายท่านสนใจอย่างมากมาย สำหรับเรื่องราว ของ แอล กมลวรรณ บุตรสาวของดาราอาวุโสคนดัง กรุง ศรีวิไล ที่เกิดอุบัติเหตุขับชนรถจักรยานยนต์จำนวน 8 คัน ซึ่งทำให้หลายคนวิจารณ์อย่างหนักว่า เธอเมาแล้วขับและอื่น ๆ ไหม

ดาราสาวดีกรีลูก ส.ส.ดัง ซิ่งอัลพาร์ดพุ่งเข้าชนรถหน้าร้านข้าวต้มพัง

ปัจจุบันในอินสตาแกรมของสาวแอล มีการอัพเดทรูป ของผลการตรวจแอลกอฮอล์ และเนื้อความว่า “ขออนุญาตชี้แจงประเด็น แอลเกิดอุบัติเหตุเมื่อคืนนี้ เหตุเพราะเดี๋ยวนี้ได้เป็นประเด็นไปต่าง ๆ นานา เรื่องอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น แอลขอแจกแจงในพื้นที่ตรงนี้นะคะ

เมื่อคืนได้เดินทางมาพัทยากับคุณแม่ แล้วก็น้องชายแล้วขากลับ จากงานวันเกิดคุณน้า แอล(ผู้ขับ) กำลังขับกลับโรงแรมที่พัก อยู่ดี ๆก็เกิดอาการ วูบ คล้ายภาพตัด (เป็นอยู่บ่อย ๆ) รู้ตัวอีกทีก็คือรถยนต์ ได้พุ่งเข้าชนกับรถ ที่จอดอยู่ข้างทาง และก็กระเด็นเข้าไปในร้านข้าวต้ม แล้วก็รถยนต์ที่จอดอยู่ รวมแล้ว 9 คน ทั้งเก๋งและก็รถจักรยานยนต์ พอรู้สึกตัวก็รีบเดินลงไป สอบถามหาคนที่ได้รับบาดเจ็บทันที

โดยเหตุการณ์นี้ ไม่มีคนบาดเจ็บ ต่อจากนั้นได้เดินทางไป สภ.พัทยา ได้ โดยให้ความรวมมืออย่างดี สำหรับการตรวจวัดแอลกอฮอล์ ซึ่ง ผลเป็น “0” ไม่มีการดื่มใด ๆ และไม่ได้มีใคร ช่วยเหลือในด้านไหนเลย ดังที่คน comment กัน”

The Banshees รีวิวหนัง

รีวิวหนัง "The Banshees of Inisherin" แด่มิตรภาพของเรา..มลายเป็นจุล

The Banshees of Inisherin แม้ว่าจะไม่มีโอกาส ได้ดูหนังเรื่องนี้ในโรงภาพยนตร์ แต่ด้วยเหตุว่าความเจ๋ง รวมทั้งเยี่ยมยอดของหนัง ที่กลายเป็นดาวโดดเด่น

แค่ข้ามคืน กับการขึ้นแท่น เป็นหนังหวังรางวัล แถวหน้าของปีนี้ ที่สร้างความโดดเด่นบนเวทีต่าง ๆ พึ่งเข้าชิงลูกโลกทองคำมากที่สุด และก็มีโอกาสไปได้ไกล ถึงออสการ์ แล้วก็นี่คือ The Banshees of Inisherin หนังดราม่าตลกร้ายจากอังกฤษ ที่กำลังแผงฤทธิ์ ความยอดเยี่ยมใส่ชาวโลก ให้เหลียวหันมาสนใจ หนังเล็ก ๆ เรื่องนี้เป็นว่าเล่น

The Banshees นักแสดง

The Banshees of Inisherin เป็นเรื่องราวความมิตรภาพ อันยาวนาน

ระหว่าง พาด์เร็ค กับ คอล์ม บนเกาะไอนิเชอริน ที่อยู่ ๆ ความเป็นเพื่อนของเขา กำลังสั่นคลอนและก็สู่สภาวะวิกฤต เมื่อพบว่า คอล์มมีท่าทีที่เปลี่ยนไป พร้อมทั้งต้องการยุติมิตรภาพระหว่างกัน

ในเวลาที่พาด์เร็คได้แต่รู้สึกสับสนว่าเกิดอะไรขึ้น
โดยที่คนรอบข้างเขา ไม่ว่าจะเป็น น้องสาวหรือเด็กตัวปัญหา ของหมู่บ้าน จะช่วยเป็นกาวใจและก็ช่วยซ่อมมิตรภาพ ของพวกเขาให้ แต่ดูเหมือนมันกำลัง นำพาไปสู่สถานการณ์ ที่ไม่คาดคิดเพิ่มมากขึ้น

นี่คือผลงานล่าสุดของผู้กำกับ “มาร์ติน แมคโดนา” จากหนังรางวัลออสการ์ Three Billboards Outside Ebbing, Missouri ที่ถือว่าเป็นการสั่งสม ประสบการณ์สำหรับในการปลุกปั้น โครงการหนังเรื่องนี้ถึง 5 ปี

ทั้งกำกับและเขียนบทหนัง เรื่องนี้ด้วยตัวเอง ถือได้ว่าเป็นการคัมแบ็กที่น่าประทับใจ และให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า ที่คาดการณ์เอาไว้ด้วยซ้ำ เนื่องจากนี่คือหนัง ที่เต็มไปด้วยการ สำรวจแนวจิตของคนเรา

สิ่งที่ประทับใจ ที่สุดของ The Banshees of Inisherin ที่จะต้องยกนิ้วให้เลย ก็คือบทหนัง ที่แสนคมคายรวมทั้งตลกร้ายของมาร์ติน แมคโดนา เพราะบทหนัง เต็มไปด้วยเชิงชั้น แล้วก็ความตื้นลึก หนาบางในส่วนประกอบเป็นอย่างดี โดยเฉพาะการออกแบบคาแรกเตอร์ ตัวละครนั้น จัดว่าสร้างมิติได้ดีมาก ทุกตัวละครหลัก ในเรื่องนี้เต็มไปด้วย ซอกมุมที่น่าค้นหา แล้วก็คล้อยตาม เพลินดีไปตลอด ทั้งเรื่อง

โดยเฉพาะคาแรกเตอร์หลัก ๆ

ของ “คอลิน ฟาร์เรลล์” กับ “เบรนเดน กลีสัน” ที่สร้างออกมา ได้น่าประทับใจเป็นอย่างดี และได้การแสดง อันเป็นมืออาชีพของพวกเขา ก็ช่วยผสมผสาน และส่งเสริมความดีเลิศ ของบทหนังให้ได้ดียิ่งขึ้น เข้าไปอีก หนังเรื่องนี้มีบทหนัง ที่เป็นเหมือนพระเอก ที่โดดเด่นรวมทั้งยอดเยี่ยม เป็นบทหนังที่ไม่ได้ มีความซับซ้อนอะไรนัก เรียบง่ายและเต็มไป ด้วยความคมคาย อันเป็นเอกลักษณ์ดี

มั่นใจว่าบทหนังของ The Banshees of Inisherin นั้น จะต้องมีบทบาทสำคัญ บนเวทีรางวัลต่าง ๆ ในตอนต้นปีอย่างแน่แท้ และถ้าว่าประสบผลสำเร็จสุด ๆ ก็เชื่อว่าหนังคงจะ เหมาะสมที่จะคว้ารางวัล มาครองได้สำเร็จเลยทีเดียว นับว่าเป็นอีกหนึ่งงาน มาสเตอร์พีช ของผู้กำกับรายนี้ ที่สร้างสรรค์ผลงานเขียน ออกมาได้น่าจดจำเป็นอย่างดี แม้ว่าจะเป็นเพียง หนังไอริชเรื่องเล็ก ๆ เพียงแค่นั้น

The Banshees เพื่อนซี้

The Banshees ชาวท้องถิ่น

งานสร้างของ หนังเรื่องนี้ก็ค่อนข้างน่าพอใจ องค์ประกอบโปรดักชั่นดีไซน์

จัดว่าใช้ได้ มุมกล้องรวมทั้งการถ่ายรูปร้อยเรียงออกมา เป็นหนังเรื่องนี้ จัดว่าทำได้ดี สร้างบรรยากาศ ด้วยภาพแล้วก็แสงธรรมชาติ ให้กระตุ้นพล็อตเรื่องของหนังออกมา ได้อย่างเห็นได้ชัดยิ่งขึ้น เก็บรายละเอียดเกี่ยวกับ ยุคสมัยได้ค่อนข้างน่าพอใจด้วย และก็วัฒนธรรมท้องถิ่น ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ที่ทำได้ดี

รวมทั้งนอกเหนือจากการแสดงอันน่าเชยชมของ คอลิน ฟาร์เรลล์ กับ เบรนเดน กลีสัน ที่คงจะต้องเฉิดฉาย บนเวทีรางวัลแล้ว ยังมี “เคอรี่ คอนดอน” กับ “แบร์รี่ คีโอแกน” ก็ถือว่ามอบการแสดง ที่สุดยอดด้วยความเป็นมือโปร ของพวกเขาเองด้วยเหมือนกัน การแสดงอัน เป็นธรรมชาติแล้วก็เข้าถึงบทได้เป็นอย่างดี ถือได้ว่าเป็นอีก 2 ผู้ที่ช่วยส่งเสริม ความสมบูรณ์แบบ ให้กับหนังเรื่องนี้ได้ดี

ยังมีอีกองค์ประกอบ ที่ไม่เอ่ยถึงคงมิได้ ก็คือแคสติ้งนักแสดง สรรพสัตว์ น่าแปลกใจมากที่หนังเรื่องนี้ มีเหล่าสัตว์ที่มอบ แอคติ้งออกมาได้ชวนน่าทึ่ง สัตว์ทุกตัว ที่เห็นอยู่ในหนังเรื่องนี้ แสดงดีมาก โดยเฉพาะเจ้าลากับน้องหมา ที่เป็นองค์ประกอบเสริมการแสดง ที่บันเทิงเป็นอย่างดี ไหนจะมีน้องม้า และยังรวมไปถึงนกนางนวล สัตว์ทุก ๆ ในหนังเรื่องนี้ คือน่าทึ่งเป็นอย่างดี

หนึ่งในสิ่งที่ The Banshees of Inisherin เป็นหนังที่ทำให้รู้สึกเซอร์ไพรส์ คนดูได้อย่างดีเยี่ยม เป็นการเล่าเรื่อง รวมทั้งบทหนัง ที่แทบจะคาดเดาไม่ได้เลย เป็นผลลัพธ์การเรื่องราว ที่ทำให้ผู้ชมเอ็นจอย แล้วก็ตลกลึก ๆ ให้กับรอยร้าว ในความสัมพันธ์ มิตรภาพของมนุษย์ ทั้งสองคนที่ คนดูเอง ก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่า

เป็นเพราะอะไรกันแน่ แต่ว่าทุกอย่างค่อย ๆ ปลดล็อกออกมา ทีละเล็กทีละน้อย กระทั่งก่อให้เกิดบทสรุป

ด้วยเหตุดังกล่าวโดยสรุปแล้ว ไม่ประหลาดใจเลยว่า The Banshees of Inisherin ได้แซงหน้าขึ้น มาเป็นหนังเยี่ยมยอด ที่น่าประทับใจในรอบปีนี้ ในช่วงโค้งสุดท้าย หนังที่เต็มไปด้วยส่วนประกอบแจ่ม ๆ เต็มไปด้วยคุณภาพ งานสร้างดี บทหนังยอดเยี่ยม

และยังมีการแสดง ที่น่าเชยชม ของทีมนักแสดง ที่ได้ผลลัพธ์ออกมา ได้อย่างคาดไม่ถึง จะต้องจับตามองให้ดี ๆ หนังเรื่องนี้ คงจะมาแรงอีกเรื่อง ในฤดูล่ารางวัลปีนี้

นาย ณภัทร เผยโมเม้นต์

ทำฟินอีกรอบ "นาย ณภัทร" เล่าโมเมนต์น่ารัก "ใบเฟิร์น" แอบกระซิบบอกความรู้สึก

หลังจากที่ออกมา ประกาศผ่านสื่อว่า ขอก้าวข้ามเฟรนโซน สำหรับพระเอกหนุ่ม นาย ณภัทร เสียงสมบุญ โดยมีความรู้สึกดี ๆ ที่มากเกินกว่าเพื่อน มอบให้นางเอกสาว ใบเฟิร์น-พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์ ก็ดูอย่างกับว่าเส้นทางความรักคราวนี้

จะไปได้สวย ทั้งยังฝ่ายหญิง ก็ให้โอกาสให้ทำความรู้จัก และก็ไปไหนมาไหน ด้วยกันมากเพิ่มขึ้น จนกระทั่งทำเอาแฟน ๆ แอบฟินในความน่ารัก ของคู่นี้ไปตาม ๆ กัน

ปัจจุบัน นาย ณภัทรได้ออกมาอัปเดต ให้ฟังอีกครั้ง ขณะเดินทางมาร่วมงาน KING POWER MAHANAKHON GRAND OPENING… THE MAHANAKHON OF LIVES โดยเจ้าตัวเปิดเผย แบบเขิน ๆ ว่าขณะนี้กำลังทำคะแนนอยู่ ฝ่ายหญิงได้กระซิบบอก ความรู้สึกแล้ว ส่วนคำตอบเป็นยังไง ขอเก็บไว้เป็น ความทรงจำของตนดีกว่า

นาย ณภัทร ใบเฟิร์น

นาย ณภัทร เดทที่เยาวราชเป็นยังไงบ้าง ?

” ขนมปังอร่อยครับ ก็อยากกินเลยไป ผมเป็นคนชอบกินอยู่แล้ว ผมเป็นคนชวน เขาไปเองครับ ที่ไปที่นี่ เพราะมีความรู้สึกว่ามันดี ได้ใช้ชีวิตปกติดี มันเป็นอะไรเล็ก ๆ ที่ผมรู้สึกว่าทั่วไปได้ทำกัน ก็ไม่อยากพลาดโอกาส ที่ผมเคยให้สัมภาษณ์ ไปก่อนหน้านี้ ดีใจครับ ”

คิดไหมว่าไปถึงแล้วคนจะแตกฮือ ถ่ายคลิปลงโซเชียลเยอะแยะ ?

” ในตอนที่เราอยู่ตรงนั้น รู้สึกว่าทุกคนน่ารักมาก ๆ เลย ให้พื้นที่พวกเรามากเลย ซึ่งถ่ายได้นะ ไม่ได้ห้าม แต่ว่าอย่าเรียกไปถ่าย เขิน (ยิ้ม) ผมว่าให้ปล่อยไปตามธรรมชาติ แล้วก็ทุกคนในวันนั้น ที่เจอก็น่ารักมากเลย คอยมาพูดส่งกำลังใจให้ ”

” ผมไปกันแบบปกติ ใช้ชีวิตธรรมดา ไม่ได้คิดอะไรเยอะเลย เพียงอยากหาอะไรกิน นั่งรถเล่น ”

ถือเป็นเดทแรก อย่างที่ทุกคนเข้าใจไหม ?

” (พยักหน้าและอมยิ้ม) ก็ดีครับ มีความสุข น่าจะเขินทั้งคู่นะ ”

จากความเป็นเพื่อนแล้ว มาเปลี่ยนสถานะแบบนี้ เกร็งมากขึ้นไหม ?

” ไม่เกร็งนะ ก็รู้สึกธรรมดา ๆ สบาย ๆ รู้สึกว่าเป็นตัวเรา แล้วก็เป็นตัวเขาเอง คงจะดีที่สุดครับ ”

ใบเฟิร์น บอกจะมาบอกเราเองเรื่องความรู้สึก สรุปเขายอมเปิดใจให้หรือยัง ?

” เขาก็มากระซิบผมครับ แต่ว่าผมก็แบบ… อะไรนะ ไม่ได้ยิน (ยิ้ม) กระซิบว่า… ขอเก็บไว้เป็นความทรงจำของตนเองดีกว่าครับ ”

แต่เป็นคำพูดที่ฟังแล้วชื่นใจ ดีต่อใจของเราใช่ไหม ?

” (พยักหน้ายิ้ม) ”

ในเวลานี้ใช้สถานะว่าแฟนหรือยัง ?

” กำลังทำคะแนนอยู่ครับ ก็ยังไม่แน่ใจเช่นกัน แต่ลองไปถามเขาดูนะว่า ให้คะแนนเท่าไร”

ถามเรื่องที่ไปปลูกต้นไม้บ้านใบเฟิร์น หลายคนแซว ไม่ได้ปลูกต้นไม้ แต่ว่าเป็นการปลูกต้นรัก ?

” (หัวเราะเขิน) มันเป็นความภาคภูมิใจของตัวเขาครับ และเป็นสิ่งที่น่าชื่นชม เพราะว่าเขาทำงานมาหนักมาก ๆ และเป็นน้ำพักน้ำแรงของเขา เราก็ต้องการไปเก็บบรรยากาศให้เขา ”

อันนี้ต้นไม้ต้นอะไร ต้นรักไหม ?

” ถามเขาเอง ๆ (แต่ปลูกด้วยใจใช่ไหม?) เขาคงจะปลูกด้วยใจ ส่วนตัวเรา ก็จำไม่ได้แล้วว่าไปช่วยทำอะไรบ้าง หลัก ๆ ก็ไปยินดีกับเขาครับ ”

เราเองก็ทำบ้านด้วย มีปรึกษา ให้คำแนะนำอะไรกันไหม ?

” จริง ๆ มีอะไรก็พูดคุยกันตลอดเวลา เขาชอบส่งรูปมาอวดนานแล้ว ของเขาน่าจะเสร็จก่อนนะครับ ”

นาย ณภัทร เยาวราช

เฮอีกแล้ว นาย – ใบเฟิร์น เกี่ยวก้อยเดินชิลเยาวราช หวานทั้งถนน

นาย ณภัทรเกี่ยวก้อย ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก เช็คอินเยาวราช หวานกว่าอาหาร ก็โมเมนต์ฟีลแฟนของทั้งสองนั่นเอง หลังจากที่ประกาศข้ามเส้นความเป็นเพื่อน สิ้นสุดเฟรนด์โซน กันไปที่เรียบร้อย สำหรับคู่ของพระเอกสุดหล่อ นาย ณภัทรกับนางเอกคู่จิ้น ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก ทั้งสองคนก็ถูกเพื่อน ๆ พี่ ๆ ในวงการแซวกันแบบน่ารัก เรียกว่าออกอาการเขิน ๆ กันเลยทีเดียว

นอกจากจะได้เห็นอาการเขินแล้ว แฟน ๆ ยังได้กรี๊ดหนักมากอีกครั้ง เมื่อได้เห็นภาพของ นาย เกี่ยวก้อยควงแขน ใบเฟิร์น เช็คอินที่เยาวราชเดินชิล ๆ หาของอร่อย ๆ กินกันอย่างมุ้งมิ้ง มีภาพออกมาให้เห็น หลายโมเมนต์เลย เรียกว่าถนนเยาวราช ทั้งเส้นเปลี่ยนเป็นสีชมพู เต็มไปด้วยความหวาน ของทั้งสอง

นาย ณภัทร ชมหล่อขึ้น

“แม่หมู” ฟินลูกชายโดน “แอน ทองประสม” แซวหล่อขึ้น คำตอบทำเขินหนักมาก

“แม่หมู” ฟินลูกชาย โดนผู้จัด “แอน ทองประสม” แซวเดี๋ยวนี้หล่อขึ้น คำตอบพระเอกหนุ่ม ทำเอาเขินหนักมาก หลังจากทำให้แฟนคลับ เฮกันลั่นทั้งบ้านทั้งเมือง สำหรับพระเอกหนุ่ม นายณภัทร กับนางเอกคู่จิ้น ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก ที่เพิ่งจับมือ ประกาศสิ้นสุดทางเพื่อน เปลี่ยนสถานะเป็นคนรู้ใจ ก็เริ่มมีภาพทั้งคู่ ชวนกันไปไหนมาไหน อย่างเปิดเผย

ปัจจุบันในอินสตาแกรมของ แม่หมู พิมพ์ผกา ได้โพสต์คลิปลูกชายนั่งยิ้มเขิน โดนผู้จัดละคร แอน ทองประสม อัดคลิปแซวทำไมเดี๋ยวนี้หล่อขึ้น ดูผอมหน้ายาว โดยพระเอกหนุ่ม ยิ้มหน้าบานตอบกลับ “ช่วงนี้มีความสุขมั้ง”

ซึ่งแม่หมูได้ระบุแคปชั่น ใต้คลิปดังกล่าวด้วยว่า “ขอบคุณ คลิปจากพี่แอนด์ ทองม้วน @annethong …. จากกองละคร #แค้น #แอนทองประสม #naphat_nine #นายณภัทร #นายใบเฟิร์น”

งานนี้นอกจากพี่แอนจะทำให้แฟน ๆ ได้ยิ้มเขินตามกันแล้ว คุณแม่หมูเองก็ฟิน กับความรักคราวนี้ของลูกชาย พร้อมเปิดทางให้ผ่านฉลุย แถมยังรอเป็นกองเชียร์ คนสำคัญอีกด้วย

นาย ณภัทร หนุ่มกรรชัย
หนุ่ม กรรชัย แคปชั่นเฉียบ หลังช่วยเปิดให้ นาย ณภัทร -ใบเฟิร์น ได้ขยับสถานะ

“หนุ่ม กรรชัย” โพสต์แคปชั่นเฉียบ หลังช่วยเปิดทางให้ “นาย ณภัทร-ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก” ได้ขยับสถานะมากกว่าเพื่อน ยืนยันความสัมพันธ์ สิ้นสุดทางเพื่อนกันทั้งสองแล้ว สำหรับนางเอกสาว ใบ เฟิร์นพิมพ์ชนก หลังจากเปิดใจ ให้พระเอกหนุ่ม นาย ณภัทรเดินหน้าจีบได้เต็มกำลัง ซึ่งเจ้าตัวสารภาพรู้สึกเขินมาก ที่ฝ่ายชายออกมา รับสารภาพรักต่อหน้าสื่อ แถมยังเอ่ยปากขอบคุณ หนุ่ม กรรชัย ด้วยที่เป็นผู้เปิดทาง ทำให้พระเอกหนุ่ม กล้าโทรมาบอกความในใจ

ด้านพิธีกรดัง หนุ่ม กรรชัย ในฐานะผู้เปิดทาง ให้น้องชายคนสนิท ได้โพสต์รูปคู่กับพระเอกน้องรัก พร้อมแคปชั่นว่า “เส้นทางอ่ะถามได้ แต่จุดหมายต้องไปให้ถึงเอง #PPD #NB” งานนี้แฟน ๆ ต่างเข้ามากดไลค์ให้รัว ๆ แล้วก็คอมเมนต์แซวพิธีกร คนดังกันมากมาย

 

 

แอล กมลวรรณ โพสต์ไอจี

“แอล กมลวรรณ” โพสต์ไอจีแจงปมขับรถชน โชว์ผลตรวจเป่าแอลกอฮอล์เป็น 0

จากกรณีนักแสดงสาว แอล กมลวรรณ สุทินเผือก ลูกสาวอดีตนักแสดงดัง กรุง ศรีวิไล หรือ กรุงศรีวิไล สุทินเผือก ซึ่งปัจจุบันนี้เป็น ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ขับขี่รถตู้และก็เกิดเสียหลัก พุ่งเข้าชนรถจักรยานยนต์ และก็รถยนต์ที่จอดอยู่ริมถนนเสียหาย 9 คัน

แต่ไร้คนเจ็บ โดยเหตุดังกล่าว เกิดขึ้นที่หน้าร้านข้าวต้ม ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี คืนวันที่ 11 เดือนธันวาคม 2565 ก่อนหน้าที่ผ่านมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ไม่พบแอลกอฮอล์ รวมทั้งกลายเป็นประเด็น ร้อนในโลกโซเชียล

แอล กมลวรรณ ใบตรวจ

ปัจจุบัน แอล กมลวรรณ โพสต์ภาพผลตรวจ แอลกอฮอล์ที่ออกมาเป็น 0

ภาพที่เกิดเหตุ พร้อมกับเขียนใจความ อธิบายปมขับรถชน รวมทั้งเรื่องผลตรวจแอลกอฮอล์ โดยพูดว่า “ ขออนุญาตชี้แจ้งประเด็น แอลเกิดอุบัติเหตุเมื่อคืนนี้ เนื่องมาจากตอนนี้ได้เป็นประเด็นไปต่าง ๆ นานา เรื่องอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น แอลขอชี้แจ้ง ในพื้นที่ตรงนี้นะคะ

เมื่อคืนได้เดินทาง มาพัทยากับคุณแม่ และก็น้องชายแล้วขากลับ จากงานวันเกิดคุณน้า แอล (ผู้ขับ) กำลังขับกลับโรงแรมบ้านพัก อยู่ดี ๆ ก็เกิดอาการ วูบ คล้ายภาพตัด (เป็นอยู่บ่อย ๆ) รู้ตัวอีกทีก็คือรถ ได้พุ่งเข้าชนกับรถ ที่จอดอยู่ริมทาง รวมทั้งกระเด็นเข้า ไปในร้านข้าวต้ม และก็รถยนต์ที่จอดอยู่ รวมแล้ว 9 คน ทั้งเก๋งรวมทั้งจักรยานยนต์ พอรู้สึกตัว ก็รีบเดินลงไปถามหา คนบาดเจ็บในทันที โดยเหตุการณ์นี้ ไม่มีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ

จากนั้นได้เดินทางไป สภ.พัทยา ได้ โดยให้ความรวมมืออย่างดี ในการวัดแอลกอฮอล์ ซึ่ง ผลเป็น “0” ไม่มีการดื่มใด ๆ และไม่ได้มีใครช่วยเหลือ ในด้านไหนเลยตามที่คน comment กัน และหลังจากนั้นก็ได้ แสดงความรับผิดชอบ กับผู้เสียหายทุกคนด้วยความจริงใจ รวมทั้งรับผิดชอบ โดยตรงนี้ขอให้เป็นหน้าที่ของประกันถัดไป

ขณะนี้แอลและก็คุณแม่ ปลอดภัยนะคะ จะต้องขอโทษมา ณ ที่นี้ด้วย ที่ทำให้ทุก ๆ คนเป็นห่วง

#ต้องขอโทษพี่ ๆ นักข่าวด้วยที่ ไม่ได้รับโทรศัพท์หนูขอชี้แจงตามนี้นะคะ นี้เป็นข้อเท็จจริงที่สุดค่ะ
#อุบัติเหตุเกิดได้ทุกเวลา

อย่างน้อยเหตุนี้ ก็ทำให้เรารู้ว่าใครบ้าง ที่รักรวมทั้งเป็นห่วงเราจริง ๆ #ปกติแอลมีคนขับนะคะ แต่เห็นว่าใกล้ไม่ไกล เลยขับเองดูแลคุณแม่ค่ะ ”

แอล กมลวรรณ ลูกกรุง
ดาราสาว “แอล กมลวรรณ” ไม่เมา กินเหล้าไม่เป็น แม่ยืนยัน ตกใจเสียงกรี๊ด

แม่ ดาราสาว “แอล กมลวรรณ” ยันลูกสาวไม่เมา กินเหล้าไม่เป็น แต่ไปงานเลี้ยงสังสรรค์จริง รับตกใจเสียงกรี๊ด ประตูรถเปิดเอง ก่อนเสียหลักชนรถ จอดริมถนนพังยับนับ 10 คัน

จากกรณี ดาราสาว แอล กมลวรรณ สุทินเผือก อายุ 34 ปี ลูกสาว กรุงศรีวิไล สุทินเผือก ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ขับขี่รถตู้อัลพาร์ด สีขาว ทะเบียน สว 77 กทม. เสียหลักพุ่งเข้าชน รถจักรยานยนต์รวมทั้งรถยนต์ ที่จอดอยู่ริมถนน เสียหายรวม 8 คัน โชคดีไร้คนเจ็บ เหตุเกิดหน้าร้านข้าวต้มกุ๊ย 5 บาท ข้างถนนพัทยากลางสาย 3 หมู่ 9 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จังหวัดชลบุรี

แอล กมลวรรณ เล่นละคร

เมื่อช่วงดึกที่ผ่านมา วันที่ 11 เดือนธันวาคม จากที่มีข่าว เสนอไปแล้วนั้น

ปัจจุบันเมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 11 เดือนธันวาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ร.ต.อ.หญิง ขวัญข้าว อินาวัง รองสว.(สอบสวน) สภ.เมืองพัทยา ได้เรียก บริษัทประกันภัยชั้น 1 ของรถยนต์ อัลพาร์ด ของดาราสาว และก็ ผู้เสียหายทั้งหมด 9 ราย

ประกอบด้วย รถยนต์ 3 คัน และก็รถจักรยานยนต์ 6 คัน เพื่อมาตกลงชดใช้ ค่าเสียหาย เบื้องต้นทางประกันแจ้งว่า จากการประเมิน ค่าความเสียหาย ทั้งหมด มูลค่าประมาณ 500,000 บาท โดยถ้าค่าเสียหายเกินวงเงิน ของบริษัทประกันภัย ก็คงจะต้อง เรียกคนขับมาคุยตกลงชดใช้ ค่าเสียหายส่วนที่เหลือ กับกลุ่มผู้เสียหายต่อไป

นายพงษ์ศักดิ์ มาจาด อายุ 33 ปี วินจยย.รับจ้าง หนึ่งในกลุ่มผู้เสียหาย กล่าวมาว่า ก่อนเกิดเหตุได้ ขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ มาซื้อกับข้าว ที่ร้านข้าวต้ม ระหว่างที่กำลังนั่งรออาหาร จู่ ๆ รถตู้ อัลพาร์ด ได้พุ่งเสียหลัก เข้ามากวาดรถยนต์ และก็รถจยย.ได้รับความเสียหาย นับ 10 คัน

หลังจากนั้นได้เห็น น้องแอล ดาราสาว ซึ่งเป็นคนขับ พร้อมทั้งคุณแม่ ที่นั่งโดยสารมา รีบลงมาจากตัวรถตู้ สอบถามผู้เสียหาย ด้วยความเป็นห่วง โดยที่ตัวลูกสาว และก็ครอบครัว ก็ยกมือไหว้ขอโทษ กลุ่มผู้เสียหาย พร้อมทั้งยินดีชดใช้ ค่าเสียหายทุกอย่าง และก็ยืนยันว่าน้องแอล ดาราสาว ไม่ได้เมาแล้วขับ จากที่สังคมสงสัย

เวลาที่ นางพรรณวิภา สุทินเผือก อายุ 59 ปี คุณแม่ น้องแอล ดาราสาว เปิดเผยด้วยว่า วันที่เกิดเหตุได้ชักชวนน้องแอล ลูกสาว รวมทั้งลูกชาย มาสังสรรค์งานวันเกิด เพื่อนสนิท ที่เมืองพัทยา โดยยืนยันว่า น้องแอล ไม่มีการกินเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

เนื่องด้วยตัวน้องแอล ดื่มสุราไม่เป็น ภายในงานปรากฏว่า เพื่อนมีอาการเมาสุราอย่างหนัก จึงพาเพื่อนไปส่งที่ที่พัก ภายในซอยบงกช พัทยาใต้ โดยมี น้องแอล เป็นคนขับ รวมทั้งมีลูกชาย พร้อมทั้งเพื่อน ขับตามหลังมาด้วย

ระหว่างเดินทางกลับโรงแรมบ้านพัก รวมทั้งมาถึงจุดเกิดเหตุ ปรากฏว่า เห็นประตูรถตู้ฝั่งขวา หลังคนขับ ที่ปิดไม่สนิทเกิดเปิดเอง โดยคาดว่าจะปิดไม่สนิท ด้วยความตกใจ จึงร้องตะโกนลั่น ทำให้ตัวน้องแอล ตกใจไปด้วย ส่งผลให้รถเสียหลัก พุ่งเข้าชนรถจอดริมทาง ได้รับความเสียหายหลายคัน

และก็ถือเป็นเหตุการณ์ ที่โชคดีสุด ๆ ที่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ หรือเป็นอันตราย หลังเกิดเหตุ คุณพ่อ กรุงศรีวิไล ได้โทรศัพท์มาสอบถาม ด้วยความเป็นห่วง ตอนที่ตัว น้องแอล ยังอยู่ในอาการตกใจ.

Blue Again หนังไทย

รีวิวหนัง “Blue Again” ตกผลึกดราม่า 3 ชั่วโมง ยกให้เป็นหนังไทย ดีที่สุดของปีนี้

ได้มาเจอกับ Blue Again ภาพยนตร์ไทย ที่มีความยาว ของเรื่องราว เทียบชั้นกับหนัง Avatar ภาคใหม่ที่จะเข้าโรงฉาย หนังนอกกระแส ที่มีความยาวถึง 3 ชั่วโมงนิด ๆ อัดแน่นด้วยปมดราม่า จัดจ้านที่ทะลวงลึก นี่คือ “Blue Again” ภาพยนตร์ไทยฟอร์มเล็ก ๆ

ที่ถูกรับเลือกให้ เข้าสายประกวด ในเทศกาลหนังปูซานของปีนี้ ที่นำพาลีลาธรรมดา ที่ไม่ธรรมดาออกมา ร้อยเรียงเป็น เรื่องราวชีวิต ในรั้ววิทยาลัย ได้อย่างบาดลึก จนทำให้เรา อยากจะยกให้เป็น ภาพยนตร์ไทยเรื่องที่ดีที่สุดในปี 2565 นี้ไปเลย

Blue Again กับเพื่อน

Blue Again เป็นเรื่องราวบนโลก ที่ไม่ได้ใจดี กับเราเท่าไร

ของ เอ หญิงสาว ลูกครึ่งอีสาน-ตะวันตก ดิ้นรนเข้ามาเรียน ออกแบบแฟชั่น ในกรุงเทพมหานคร โดยหวังว่า จะสามารถชุบชีวิต โรงย้อมครามของครอบครัว ที่กำลังจะตายลงไปได้ เธอได้เจอกับ แพร เพื่อนสนิทคนแรก ในมหาวิทยาลัยถูกดึงดูด เข้ามาอยู่ในวงโคจรของเธอ ด้วยต้นทุน ทางด้านสังคมและความฝัน ที่คล้ายกัน

ในระหว่างที่ เอพยายามปกป้อง ความฝันของตน ไปพร้อม ๆ กับถักทอความสัมพันธ์ กับคนรอบข้างเอาไว้ แต่ว่าก็เหมือน เส้นด้ายจะขาดลง เป็นจังหวะที่ สุเมธ เพื่อนรักคนเดียว ในวัยเด็กผู้เป็นเซฟโซน ก็ได้กลับมาในวงโคจร ของเธออีกครั้ง ในค่ำคืนวันคริสต์มาส ตามสัญญา แต่ว่ามันยิ่งกลับ ทำให้เอตั้งคำถาม กับตนเองว่า ” บนโลกนี้…ที่ตรงไหนคือที่ของเธอจริง ๆ บ้าง ”

นี่คือผลงานสร้างหนัง เรื่องแรกของ นักทำหนังหน้าใหม่ “ฐาปณี หลูสุวรรณ” ที่นับว่าประสบผลสำเร็จด้วยดี ตั้งแต่ออกตัวในทางนี้ จริง ๆ แล้วหนังเรื่องนี้ เป็นการต่อยอด มาจากหนังที่เธอ ทำส่งเป็นธีสิสโปรเจกต์ จบการศึกษาของตน ก่อนนำมาพัฒนาสร้างเป็นหนัง เรื่องยาวที่อัดแน่น ไปด้วยทุกอณูที่รายละเอียด ในแบบที่เธออยากจะเล่า พร้อมด้วยทำหน้าเขียนบทเอง อำนวยการสร้างเอง และยังดูแล หลายส่วนตัวเองด้วย

มั่นใจว่าหลายคน เห็นความยาวของหนัง ที่มากถึง 190 นาที อาจต้องตกใจ อย่างแน่นอน เนื่องจากมันคือ 3 ชั่วโมง ที่คุณจะต้องนั่งจดจ่ออยู่แต่ ในโรงหนัง กับอิริยาบถนั่งเดิม ๆ ที่อาจเป็นแผลกดทับได้

แต่ว่าพอได้ไปสัมผัส และพิสูจน์ ด้วยตาตนเองแล้วนั้น กับพบว่า Blue Again สามารถประคับประคองความยาวของหนัง เอาไว้ได้อยู่หมัด เป็นหนัง 3 ชั่วโมง ที่เกือบจะไม่มีจุดไหน ละสายตาและจังหวะ ที่เบื่อหน่าย เลยสักช็อตเดียว

แม้ว่าองค์ประกอบงานสร้างของ Blue Again จะยังไม่ได้ดิบดีอะไร เป็นแค่เพียงการยกระดับ มาตรฐานขึ้นมา จากหนังนักศึกษา ไปอีกขั้นหนึ่งแค่นั้น นี่คือหนังอิสระ ที่ไม่มีนายทุนใด ๆ มาช่วยซัพพอร์ต

แต่ว่าสิ่งที่หนัง ถ่ายทอดออกมาทั้งหมดนั้น เต็มไปด้วยความหมาย ที่คมคาย ร้อยเรียงเรื่องราว ออกมาได้มีจังหวะและชั้นเชิง ได้อย่างน่าเหลือเชื่อ จึงเป็นหนังเรื่องยาวมาก ๆ ซึ่งสามารถสะกดสายตา คนดูได้เอาไว้ แม้จะปวดเข้าห้องน้ำ ก็ไม่อยากจะลุกไปเข้า เนื่องจากกลัวจะพลาดดู ไม่ครบทุกซีน

Blue Again รีวิว

อีกทั้งหนังยังมี การใส่รายละเอียดเล็ก ๆน้อย ๆ แต่ว่าเรียบง่ายซ่อน ไว้ในหนังอยู่เรื่อย ๆ

โดยเฉพาะสิ่งของ และลูกเล่น เรื่องสีต่าง ๆ นี่เป็นหนังอีกเรื่อง ที่เห็นได้ชัดว่า ใช้โทนสีต่าง ๆ มาเป็นตัวแทน ของคาแรกเตอร์ตัวละครนั้น ๆ ไม่ว่าจะเป็นนางเอก ที่มีโทนสีฟ้าเป็น ตัวแทนตามชื่อเรื่อง ขณะที่มิตรภาพรอบตัวเธอนั้น มีทั้งสีเหลืองหรือสีส้ม ที่ถูกนำมาใช้ ซึ่งเป็นโทนสีที่ออกจะตัดกับสีฟ้า แต่ว่าเมื่อมาอยู่ร่วมกันแล้วนั้น มันเป็นสีที่ช่วยส่งเสริมกันและกัน ได้อย่างน่าประหลาดใจ

แน่ ๆ ว่า เนื่องจาก BlueAgain เป็นหนังอิสระ เราจึงเกือบจะ ไม่รู้จักนักแสดงในเรื่องเลย พวกเขาเป็นเพียงนักแสดงโนเนม ที่ยังไม่มีชื่อเสียงใด ๆ แต่ว่านั่นก็ถือได้ว่าเป็นจุดเด่น และข้อดีของหนัง เนื่องจากพวกเขาสามารถ ช่วยกันประคองหนัง เอาไว้แบบเป็นทีม

บางทีอาจจะยังไม่ใช่การแสดง ที่ดีระดับเพอร์เฟ็ค แต่ว่าแอคติ้งและอินเนอร์ของพวกเขา เป็นความสดใหม่และน่าค้นหา โดยเฉพาะ “ตะวัน จริยาพรรุ่ง” ที่ถ่ายทอดอารมณ์ ออกมาได้ชัดเจน ด้วยท่าทางต่าง ๆ แม้จะไม่ต้องพูด บทเลยก็ตาม

แต่ว่าดีเด็ดและไฮไลต์ของจริง ของ BlueAgain ก็คือบทหนัง บทหนังที่ผู้กำกับ เป็นคนลงมือปรุงแต่งด้วยตัวเอง อาจจะยกได้ว่า เป็นบทภาพยนตร์ไทย ที่ดีที่สุดในรอบ ทศวรรษเลยก็ว่าได้ เนื่องจากบทหนังเรื่องนี้ เต็มไปด้วยมิติและความซับซ้อน

สำหรับในการสำรวจตัวละคร ได้อย่างมีชั้นเชิง กล่าวได้ว่าบทหนัง สามารถพาคนดู ไปสอดส่องแง่มุมต่าง ๆ ของคาแรกเตอร์ ที่ไม่ใช่แค่เพียง ตัวละครหลักแค่นั้น ทุกตัวละครในหนัง เรื่องมีภูมิหลังและปมของตน แทบจะทั้งสิ้น และหนังก็ใส่รายละเอียด มาได้กำลังพอดี

อีกทั้งบทหนังเรื่องนี้ ยังจัดจ้านด้วยการ ถือใส่ประเด็นที่มองดู อาจจะธรรมดา ๆ แต่กลับสร้างความอิมแพค ได้อย่างเหลือเชื่อ อีกทั้งประเด็นความสัมพันธ์กับมิตรภาพ เรื่อยไปถึงสายใยในครอบครัวแบบไทย และเหวี่ยงไปเฉียด

ถึงประเด็นละเอียดอ่อน อย่างความเชื่อนับถือ ทางศาสนาด้วย ที่จะต้องสารภาพเลยว่า BlueAgain สามารถไล่ตาม เก็บทุกรายละเอียด เอาไว้ได้อย่างคุ้มค่า เป็นบทหนังที่ใช้เวลา 3 ชั่วโมง ได้อย่างเต็มที่

ฟลุ้ค ณธัช ทุ่มเงิน6หลัก

ทุ่ม 6 หลัก จัดคาเฟ่ ธีมคริสต์มาส “ฟลุ้ค ณธัช” ปล่อยงานซีรีส์ท้ายปีแน่น

เรื่องทุ่มเทเปย์หนัก ต้องยกให้หนุ่ม ฟลุ้ค ณธัช ศิริพงษ์ธร” เค้าเลยจ๊ะ ที่ล่าสุดทุ่มงบประมาณ 6 หลัก จัดร้าน THE LITTLE WHITE HOUSE CAFE ธุรกิจของเจ้าตัว ให้กลายเป็นธีมวันคริสต์มาส ต้อนรับเทศกาล แห่งการเฉลิมฉลอง ให้ได้ไปเช็คอินถ่ายภาพสวย ๆ ชิมเมนูฉ่ำ ๆ ที่ออกแบบมาเพื่อ เป็นของขวัญ ส่งท้ายปีให้ลูกค้ารวมทั้ง แฟน ๆ

ทั้งออกแบบตกแต่ง ไปคัดสรรอุปกรณ์ มาด้วยตนเอง นอกจากนั้นยังอัปเดต ผลงานซีรีส์ ทิ้งทวนสิ้นปี รวมทั้งผลงานปีหน้า แบบรัว ๆ ให้ได้ติดตาม กันอีกด้วย

ฟลุ้ค ณธัช แต่งคาเฟ่

ฟลุ้ค ณธัช ถ่ายรูป

ฟลุ้ค ณธัช เผยว่า

” วันคริสต์มาสเป็นอีกหนึ่ง เทศกาลที่คนตั้งตารอ เพราะมันคือการเฉลิมฉลอง ทำไมถึงควักถึง 6 หลักเลย จริง ๆ มันก็รวม ๆ หลายอย่างครับ รวมถึงต้นคริสต์มาส ไฟ และก็ของตกแต่ง เครื่องดื่มด้วยครับ ฟลุ้คอยากให้ เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์ค ที่คนจะมาถ่ายภาพ ในตอนเทศกาลคริสต์มาส รวมทั้งปีใหม่นี้ครับ

ฟลุ้คชอบเทศกาลคริสต์มาสอยู่แล้ว เพราะมันเป็นอีกหนึ่ง สัญญาณที่บอกว่าเรากำลังจะขึ้นปีใหม่ รวมทั้งบรรยากาศจะอบอวล ไปด้วยบรรยากาศ แห่งการเฉลิมฉลอง ก็มีทั้งไปเดินหาซื้อ ดูของเอง เพื่อที่เราจะได้เห็นของ รวมทั้งวัสดุจริง ๆ ไม่ได้คิดคนเดียวครับ มีพี่ผู้จัดการช่วยดูแล

และก็ช่วยจัดครับ เราใช้เวลาตระเตรียมจัดกัน ก็เป็นเดือน มุมหน้าร้าน เป็นมุมไฮไลท์ เราวางต้นคริสต์มาส แบบจัดเต็ม พยายามจัดให้ออกมา มีความเป็นวินเทอร์ มีหิมะตก พยายามหาเมนู ที่มันเข้ากับตอนเทศกาล รวมทั้งมีความแปลกใหม่ การันตีว่าอร่อยแน่นอน ครับ เป็นปีแรกที่เราได้จัด ก็เชิญชวนนะครับร้าน https://www.facebook.com/TheLittleWhiteHouseCafe เปิด ทุกวันอังคาร-วันอาทิตย์ (หยุดวันจันทร์) เปิดตั้งแต่ 11.00-20.00น. ครับ

ส่วนผลงานในช่วงเวลานี้ มีซีรีส์กำลังออนแอร์ เรื่องเชือกป่านครับ Between Us the series ทางช่อง One31 และก็มีเรื่อง 609 Bedtime Story ครับ แฟน ๆ สามารถดูกันได้ ทั่วโลกเลยครับ ส่วนปีหน้า ก็จะมีซีรีส์ อีก 2 เรื่อง Make a Wish ภารกิจนายเทวดา และก็ Shadow เงา ล่า ตาย ครับ และก็มีภาพยนตร์อีกหนึ่งเรื่อง The sis อมตะพันธุ์ ที่จะเข้าฉาย วันที่ 20 กรกฎาคม 2023 ครับ

เรื่อง ‘609 Bedtime Story’ เป็นอีกหนึ่งเรื่อง ที่ต้องการแนะนำ ให้ชมกันครับ เรื่องราวมีความแปลกใหม่ โลกคู่ขนาน แบบเวลาสวนทางกัน ต้องการให้ทุกคนได้ ดูซีรีส์อีกหนึ่งเรื่องความสามารถคนไทย ฝากผลงาน ของฟลุ้คด้วยนะครับ ช่วงปลายปีอาจจะมี กิจกรรมจัดปาร์ตี้ หมูกระทะเหมือนปีที่ผ่านมาครับ ติดตามอัปเดตกันอีกทีครับ ”

ฟลุ้ค ณธัช เปิดร้าน

แค่เริ่มก็ปัง “ฟลุ้คณธัช” ทำธุรกิจคาเฟ่ 2 เดือน ไปได้สวย

เรื่องงานก็ปัง ธุรกิจใหม่ก็ไปได้สวย สำหรับดาราหนุ่ม “ฟลุ้ค ณธัช ศิริพงษ์ธร” ที่ล่าสุดพึ่งทุ่มทุนเปิด “ร้าน THE LITTLE WHITE HOUSE CAFE” แถวพัฒนาการ เป็นของตนเองครั้งแรก กับร้านสีขาวสไตล์มินิมอลสุดเก๋ ที่มีทั้งเมนูเครื่องดื่ม และก็เบเกอรี่หลากหลาย

งานนี้เปิดร้าน ทั้งทีหนุ่มฟลุ้ค ก็ไม่พลาดที่ จะไปเรียนรู้การทำกาแฟ รวมทั้งการเป็นพ่อค้า ทั้งชงทั้งขาย ด้วยตัวเอง เปิดไปได้กว่า 2 เดือน ก็ขายดีหายเหนื่อย กันเลยจริง ๆ

ฟลุ้ค ณธัช เผยว่า “ เป็นร้านกาแฟเล็ก ๆ ของฟลุ้คเองครับ ต้องการทำร้านกาแฟ ก็ต้องไปเรียนรู้ ตั้งแต่เรื่องเมล็ดกาแฟ การทำกาแฟ และก็ชงลาเต้อาร์ต มีโอกาสได้ไปเรียน เป็นให้คนสอนมาสอนที่ร้านเลย เริ่มจากศูนย์

ไม่มีความรู้เรื่องกาแฟรวมทั้งการชงกาแฟเลย ด้วยเหตุนี้เราต้องมีความรู้พื้นฐานนิดหนึ่ง เมนูกาแฟ ที่ฟลุ้คชอบ จะเป็นอเมริกาโน่ยูซุ

อันนี้ต้องการแนะนำ เรารู้สึกว่าสำหรับผู้ที่ไม่ชอบดื่มหวาน ก็ดื่มได้ เพราะมันไม่ได้หวาน รวมทั้งมีความเปรี้ยว ของรสชาติส้มยูซุที่ตัดกับกาแฟ ในร้านก็มีขนมด้วย เป็นเค้ก

ถ้าหากเป็นเรคคอมเมนด์ ก็จะเป็นเค้กมะพร้าว ที่เราชอบอร่อย เปิดร้านมาประมาณ 2 เดือนแล้ว ฟีดแบคค่อนข้างดีนะครับ ไม่ว่าจะเป็นแฟน ๆ หรือคนแถวนี้ ก็มาอุดหนุนกันค่อนข้างเยอะเลย อย่างตอนวันแรก ที่มีโอกาสได้ เข้ามาชงเองด้วย

พูดได้ว่าตั้งแต่ตอนเช้าจนถึงร้านปิด ก็ไม่ได้นั่งเลย ทุกคนแห่มาให้กำลังใจ กันจำนวนมากครับ ฟลุ้ครู้สึกเปิด ประสบการณ์ใหม่ดี ในช่วงก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาพอเราทำงานก็มี แบ่งเก็บเงินส่วนนึง อีกส่วนนึงเราก็แบ่ง ไว้ทำธุรกิจตรงนี้ด้วย ต้องการใช้เงินก้อน ที่เราแบ่งมาตรงนี้ เพื่อต่อยอดทำธุรกิจดีกว่า ถือว่าเป็นอีกก้าวนึง

รวมทั้งเป็นก้าวแรกที่สำคัญ ในชีวิตเลยก็ว่าได้ เพราะนับว่าเป็นธุรกิจชื่อเราเต็มตัว นับว่าเป็นธุรกิจแรกของตัวเองครับ ขอฝากร้าน THE LITTLE WHITE HOUSE CAFE ด้วยนะครับ อยู่ตรงถนนพัฒนาการตัดใหม่ คนไหนจะมา ก็สามารถเสิร์ช ในกูเกิ้ลแมพได้เลยนะครับ ร้านเปิดทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์ แวะมาอุดหนุน กันได้ครับ ”

ประวัติ ฟลุ้ค ณธัช ศิริพงษ์ธร

ฟลุ้ค ณธัช ดาราวัยรุ่นชายชาวไทย เกิดวันที่ 1 เดือนมิถุนายน พุทธศักราช 2539 ฟลุ้คเข้าสู่ทาง สายบันเทิง จากการเริ่ม เป็นนักแสดงใน สังกัดวายุฟิล์ม โปรดักชั่น เขามีผลงานการแสดงภาพยนตร์เรื่องแรกเรื่อง เกรียนฟิคชั่น ในปีพุทธศักราช 2556 ก่อนจะมามีชื่อเสียง จากการแสดงภาพยนตร์เรื่อง พี่ชาย My Bromance ต่อจากนั้นเขาก็ได้แสดงภาพยนตร์เรื่อง ตีสาม คืนสาม 3D หลังหมดสัญญา ฟลุ้คก็ผันตัว เป็นนักแสดงอิสระ

พิ้งกี้ สาวิกา ศาลสั่งปล่อย

นางเอกสาว “พิ้งกี้ สาวิกา” ศาลปล่อยชั่วคราว

ศาลอาญาอนุญาต ให้ปล่อยตัวชั่วคราว นางเอกสาว “พิ้งกี้ สาวิกา ไชยเดช” หลังถูกขังที่ทัณฑสถานหญิงกลาง ในคดีแชร์ลูกโซ่ฟอเร็กซ์ 3 ดี นานกว่าสามเดือน ทนายยื่นคำร้อง พร้อมหลักทรัพย์เป็นแคชเชียร์ เช็ค 5 ล้านบาท ภายใต้ข้อตกลงห้ามออกนอกประเทศ ถ้าเกิดเปลี่ยนที่อยู่จะต้องแจ้งให้ทราบ

แล้วก็รายงานตัวต่อศาลทุกเดือน ในเวลาที่นักแสดงหนุ่ม “กระทิง-ขุนณรงค์ ประเทศรัตน์” นำหลักฐานเข้า ให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ในคดีเดียวกันแล้ว

 

พิ้งกี้ สาวิกา กลับบ้าน

พิ้งกี้ สาวิกา ทำรูปหัวใจ

จากกรณี นางเอกสาว พิ้งกี้ สาวิกา ไชยเดช

ถูกพนักงานอัยการ ฝ่ายคดีพิเศษ 4 ฟ้องเป็นจำเลย ในคดีแชร์ลูกโซ่ ฟอเร็กซ์ 3 ดี พร้อมมารดา พี่ชายแล้วก็พวกรวม 24 คน มูลค่าความเสียหาย หลายพันล้านบาท นางเอกสาวแล้วก็ครอบครัวต่างไม่ได้ รับการประกันตัว ถูกส่งไปคุมขังที่เรือนจำ

เมื่อวันที่ 18 เดือนสิงหาคม ในช่วงเวลาที่ทนายของนางเอกสาว แล้วก็ครอบครัวพยายาม ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว มาแล้วหลายครั้ง

ความคืบหน้า ที่ศาลอาญา เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 30 เดือนพฤศจิกายน ทนายของนางเอกสาว พิ้งกี้-สาวิกา ไชยเดช ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ต่อศาลอาญาอีกรอบ ขอปล่อยชั่วคราว น.ส.สาวิกา ไชยเดช จำเลยที่ 7 เพียงผู้เดียวในชั้นพิจารณาคดี มีหลักทรัพย์เป็นแคชเชียร์เช็ค 5 ล้านบาท ประกอบคำร้อง ให้ศาลพิจารณาอนุญาต

ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง เมื่อเวลา 19.00 น. เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินปล่อยตัว นักแสดงสาวพิ้งกี้สาวิกา ไชยเดช ตามหมายปล่อยของศาลหลัง มีคำสั่งอนุญาต ให้ประกันตัว มีญาติของพิ้งกี้ขับรถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีขาว ทะเบียน 1 ขย 8415 จ.กรุงเทพฯ มารับ

ทั้งนี้ นักแสดงสาว อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาว นั่งอยู่ด้านเบาะหลังฝั่งซ้าย ระหว่างนั้น ยกมือสวัสดีกลุ่มสื่อมวลชน ที่มารอทำข่าว ที่ข้างหน้าทัณฑสถานหญิงกลาง พร้อมทำสัญลักษณ์มือ เป็นรูปหัวใจแทนคำขอบคุณ ก่อนเดินทางกลับในทันที

เบื้องต้นศาลพิจารณาแล้ว เห็นว่า จำเลยยืนยันในชั้นตรวจ พยานหลักฐานว่าเป็นแค่นักลงทุน เสนอพยาน 8 ปาก กับเสนอจ่ายเงินสด 5 ล้านบาท เป็นหลักประกันในการปล่อยตัวชั่วคราว มีคำสั่งอนุญาต ให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยที่ 7 ตีราคาประกัน 5 ล้านบาท พร้อมตั้งเงื่อนไข ห้ามเดินทาง ออกนอกราชอาณาจักร

ถ้าเกิดเปลี่ยนถิ่นที่อยู่ ให้แจ้งต่อศาล ภายใน 7 วัน แล้วก็ให้รายงานตัว ต่อศาลทุกเดือน กระทั่งจะมีเหตุ เปลี่ยนแปลงแล้วก็ให้แจ้งตำรวจ สตม.รู้ด้วย จากนั้นก็เลยออกหมาย ปล่อยไปยังเรือนจำ ทัณฑสถานหญิงกลางโดยทันที

อีกด้าน ที่กองธุรกิจการเงินนอกระบบ กรมสอบสวนคดีพิเศษ เวลา 12.35 น. กระทิง-ขุนณรงค์ ประเทศรัตน์ นักแสดงคนดัง เดินทางมากับทนาย แล้วก็คนสนิท เพื่อเข้าให้ปากคำในฐานะ พยานเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ กับพนักงานสอบ

สวนคดีพิเศษในคดี แชร์ลูกโซ่ฟอเร็กซ์ 3 ดี โดยขึ้นลิฟต์โถง 3 จากนั้นเลือกเข้าประตูห้อง กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ฝั่งตรงข้ามห้อง สำนักงานรองอธิบดี สำหรับประเด็นการสอบปากคำ ร้อยตำรวจเอกวิษณุ ฉิมตระกูล ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ

เปิดเผยว่าเป็นการสอบถาม ตามประเด็นที่พนักงานสอบสวนตั้งไว้ ทั้งยังลักษณะการลงทุน หรือเส้นทางการเงิน เมื่อสอบปากคำในฐานะ พยานเสร็จสิ้นรวมถึง ได้รับเอกสารข้อมูลต่าง ๆ จากเจ้าตัวเเล้ว ถึงจะพิจารณา ร่วมกับองค์ประกอบอื่น ๆ ในคราวหลังว่าจะ มีการแจ้งข้อกล่าวหา ดังที่มีบุคคล มาร้องทุกข์กล่าวโทษหรือไม่

ภายหลังสอบสวนนานกว่า 5 ชั่วโมง กระทิง-ขุนณรงค์ นักแสดงหนุ่ม ออกจากห้องสอบสวนมาเข้าห้องน้ำ ระหว่างนั้นเปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนดีเอสไอ เรียกมาสอบปากคำในฐานะพยาน ส่วนเรื่องเอกสาร เตรียมมาอย่างเดียว คือ รายการเดินบัญชี รายละเอียดอื่นขออนุญาตไม่เปิดเผย

เนื่องจากไม่ทราบ สามารถพูดได้มากน้อย มากแค่ไหน ที่เคยแจ้งเลื่อน เนื่องจากติดคิวถ่ายละคร ตั้งใจอยากคุยให้จบ จะได้กลับมาทำงานปกติ รู้สึกสบายใจ ที่มาชี้แจงในครั้งนี้ แล้วก็รับรองในความบริสุทธิ์ ยืนยันว่าไม่ได้ ชักชวนบอล-กัมมัญญ์ กลมแก้ว แล้วก็โต๋-ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร ให้ร่วมลงทุน

 

พิ้งกี้ สาวิกา ผู้จัดการ

ผู้จัดการเคลื่อนไหวหลังที่รู้ พิ้งกี้สาวิกา ถูกปล่อยตัว ธัญญ่า โผล่ยินดี

หลังจากที่นักแสดงสาว พิ้งกี้ สาวิกา ไชยเดช ได้รับการประกันตัวชั่วคราว โดยทนาย ได้ยื่นคำร้องต่อศาลอาญา เป็นเช็คจำนวนเงิน 5 ล้านบาท แล้วก็มีเพียงแค่พิ้งกี้เท่านั้น ที่ได้ออกมา หลังจากที่เจ้าตัว เข้าไปอยู่ในเรือนจำนานกว่า 3 เดือน ในคดี ฉ้อโกงแชร์ Forex-3D

ซึ่งข่าวนี้ นับว่าเป็นข่าวดีของ พิ้งกี้ สาวิกา แล้วก็ทำให้คนใกล้ชิด ของนักแสดงสาว รู้สึกดีใจไม่น้อยที่นางเอกสาว ได้รับการประกันตัว ในครั้งนี้ หนึ่งในนั้นคือ พี่เต้ ผู้จัดการส่วนตัว ของพิ้งกี้ที่รัก แล้วก็ดูแลกันมานานกว่า 28 ปี ก็ได้โพสต์รูปคู่

กับพิ้งกี้แล้วก็เขียนแคปชั่นสั้น ๆ แต่ซึ้งกินใจ ว่า “ลูกสาวแม่” กับอีโมจิหัวใจสีแดง หน้ายิ้มน้ำตาไหล แล้วก็ภาพประนมมือ

งานนี้ก็มีคนบันเทิง ล้นหลามที่มาคอมเมนต์ แสดงความยินดีกับการที่ พิ้งกี้ ได้รับการประกันตัวแล้วก็ถูกปล่อยตัว ในวันนี้ เช่น ธัญญ่า ธัญญาเรศ ที่เข้ามาคอมเมนต์ ว่า ยินดีด้วยนะคะพี่เต้ เบนซ์ ปุณยาพร ที่คอมเมนต์ว่า ดีใจ แล้วก็ นิว วงศกร ที่ส่งอีโมจิหัวใจสีแดง ให้อีกด้วย

พิ้งกี้ สาวิกา เพื่อนสนิทเบนซ์

“เบนซ์ ปุณยาพร” โพสต์ดีใจ หลังศาลให้ประกันตัว “พิ้งกี้ สาวิกา”

หลังจากที่ศาลอาญา อนุญาตให้ปล่อยตัว ชั่วคราวนักแสดง สาว “พิ้งกี้ สาวิกา ไชยเดช” ในคืนเมื่อวานนี้ ล่าสุด เพื่อนคนสนิท อย่างสาว “เบนซ์ ปุณยาพร พูลพิพัฒน์” ได้โพสต์ภาพ คู่กับพิ้งกี้ กับแคปชั่นที่ว่า ” ดีใจ @pinkysavika มาลุยงานต่อ นะเพื่อน ”

ล่าสุด ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ สาวเบนซ์ กับประเด็นนี้ โดยเปิดเผยว่า ” ดีใจมาก เพราะมันเป็นเหมือนข่าวดี ที่รอลุ้นเพื่อนมานาน ให้กำลังใจมาตลอด ด้วยการส่งข้อความ หาเพื่อน ผ่านผู้จัดการ แล้วก็มีการส่งขนม ให้คุณพ่ออีกด้วย

โดยมาก เบนซ์ก็จะถาม ทางผู้จัดการของน้องไป คือตอนแรก ก็มีการพูดคุยเรื่อง ไปเยี่ยมพิ้งกี้ แต่ก็รอความพร้อม จากเพื่อน ทุกอย่างที่ส่งไป เพื่อนก็ได้รับ เราก็ทำงานด้วยกัน และก็เป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยเด็ก ”

ขณะที่เนื้อความ ที่ต้องการจะพูดกับพิ้งกี้ สาวเบนซ์ได้เปิดเผยว่า ” เบนซ์จะเข้าไปกอด และให้กำลังใจนาง เพราะ เขาจะมีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น เขาทำได้ แล้วก็กลับมาลุยงาน ได้เต็มที่แน่นอน เป็นเด็กที่มีวินัย มีความรับผิดชอบ ส่งพลังบวกมาตลอด ซึ่งผู้จัดการก็รอ ไปหาพิ้งกี้ด้วยเหมือนกัน อันนี้พูดในฐานะ ที่เราเป็นเพื่อนกัน ไม่เกี่ยวกับเรื่องคดี เบนซ์เชื่อว่าจะผ่านจุด ๆ นี้ ไปได้ ต้องการจะให้กำลังใจแล้วก็คอยซัพพอร์ตไปเรื่อย ๆ “