Category ข่าวบันเทิง

Don’t Worry Darling รีวิวหนัง

รีวิวหนัง “Don’t Worry Darling” ความเริงใจที่นักแสดงนำหญิงแบกทั้งเรื่องไว้ลำพัง

Don’t Worry Darling แต่เดิมนั้น มันเป็นหนังที่โปรแกรม จะเข้าฉายในโรงบ้านเรา ก็นั่นแหละ แต่ไม่ทราบว่าไป ๆ มา ๆ ก็เลยถูกถอดวันฉายออกไป ดื้อ ๆ ภายหลังที่กระแสของหนัง รวมทั้งรายได้ของหนัง ไม่ค่อยจะปัง สักเท่าไหร่นัก แต่จนแล้วจนรอดเราก็ได้ดู “Don’t WorryDarling” หนังระทึกขวัญ ที่ผลงานจัดจ้าน ที่ร่วมดารานักแสดง ชั้นนำเอาไว้ ได้อย่างน่าดึงดูด

Don’t Worry Darling นักแสดง

Don’t Worry Darling เป็นเรื่องราวของ อลิซ รวมทั้ง แจ็ค

โชคดีมากพอ ที่ได้อาศัยอยู่ในชุมชน ในฝันของใครอีกหลาย ๆ คน ที่ชื่อว่า วิคตอรี่ หมู่บ้านขององค์กรหนึ่ง ที่ให้พนักงานชาย ผู้ร่วมโปรเจกต์ลับวิคตอรี่ อาศัยอยู่กับครอบครัวของเขา มุมมองของโลกอันสวยงามในปี 1950 เริ่ม โดย แฟรงค์ ผู้บริหาร ไลฟ์โค้ช ผู้สร้างแรงบันดาลใจ รวมทั้งวิสัยทัศน์ ที่เสมอภาค โดยเขานั้น ยึดทุกมุมมองของชีวิต ในดินแดนแห่ง ความฝันนั้นเป็นหลัก

ในขณะทีสามี ใช้เวลาแต่ละวันของเขา ในฐานทัพหลัก ของโปรเจกต์วิคตอรี่ เพื่อทำงานเกี่ยวกับ การพัฒนาวัสดุเพื่อความเจริญก้าวหน้า เหล่าภรรยาของพวกเขา รวมถึง เชลลีย์ คนรักคนงามของ แฟรงค์ ต่างก็ใช้เวลาเพลิน ๆ ไปกับความสวยงดงาม ความเลิศหรู

รวมทั้งแสงสีเสียง ชวนมึนเมาในชุมชนของพวกเขา ชีวิตนั้นช่างสมบูรณ์แบบ ถึงแม้ว่าทุกครอบครัว จะต้องเข้าพบองค์กรใหญ่ อย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งแลกกับการ ที่พวกเขาห้ามต่อต้าน ห้ามตั้งปัญหาใด ๆ ก็ตามเกี่ยวกับวิคตอรี่ เด็ดขาด

นี่คือว่า ผลงานที่นักแสดงสาวมีชื่อเสียง “โอลิเวีย ไวลด์” ได้รับโอกาสจากสตูดิโอใหญ่ ให้กับมากำกับหนัง เป็นครั้งแรก ถึงแม้ว่าเธอจะสั่งสมประสบการณ์ จากผลงานเรื่องก่อน ๆ อีกทั้งหนังสั้น, มิวสิควิดีโอ รวมทั้งหนังเปิดตัว เรื่องดัง Booksmart เมื่อไม่กี่ปีก่อนนี้

การกลับมาคราวนี้ ถือว่าเป็นงานท้าทาย สำหรับเธอ ด้วยเหตุว่าจะต้องมาหยิบจับ งานสเกลที่ใหญ่ขึ้น จากเดิมหลายเท่าตัว

Don’t Worry Darling เหล่าเพื่อน

และนั่นแหละ ที่น่าจะเป็นหนึ่ง ในปัญหาของ Don’tWorry Darling เนื่องจากว่าหนังมีสเกล รวมทั้งเนื้อหาที่ออกจะใหญ่ เกินกำลังโอลิเวีย ที่บอกตรง ๆ เธอยังคงออกจะใหม่

กับแวดวงเบื้องหลัง ในฐานะผู้กำกับอยู่ เธอเคยเพียงกำกับกองถ่ายเล็ก ๆ กับหนังนอกกระแส มาเท่าไหร่ เมื่อจะต้องมาจับ งานสร้างภาพยนตร์เมนสตรีมเช่นนี้ พลังรวมทั้งแนวทางของเธอนั้น อาจจะยังไม่อาจควบคุมหนังเรื่องนี้ ได้พอเพียง

ในส่วนของบทหนัง ที่ได้นักเขียนคู่บุญ “แคธี ซิลเบอร์แมน” กลับมาทำงานด้วยกันอีกครั้ง แต่ก็กลายเป็น โอลิเวีย ไวลด์ นักเขียนสาวผู้นี้ ยังออกจะมีประสบการณ์ ไม่เยอะสักเท่าไหร่ ถึงแม้ว่าเธอจะไปได้ดีกับ Booksmart กับก่อนหน้าที่ มีหนังรอมคอม Isn’t It Romantic ที่ก็มิได้เป็นหนัง ที่ปังอะไร เมื่อจะต้องมารับงานเขียน หนังเชิงพาณิชย์แบบเน้น ๆ ก็น่าจะใหญ่เกินกำลังไป สำหรับเธอด้วยเหมือนกัน

นั่นก็เลยส่งออกมา ทำให้บทหนังของ Don’t Worry Darling ออกจะเรียบเฉย แม้ว่าจะพยายามสร้างมิติ เชิงซ้อนออกมา ให้ดูหวือหวา แต่กลับยังไม่สามารถที่จะซื้อใจ คนดูไปได้สักเท่าไหร่ แล้วยิ่งมาผนวก เข้ากับแนวทางการกำกับ

รวมทั้งงานสร้างด้วยแล้ว ยิ่งทำให้รู้สึกว่า หนังหลงทิศหลงทาง ไปในบางจุด เป็นหนังที่มีจุดไคล์แมกซ์ แต่ราวกับไม่มี หลายแนวทางดูยังไม่ใช่ ที่ใช่ทางในตัวของหนัง โดยเฉพาะอย่างการเล่าเรื่อง ที่ชวนหัวเสียไป ในบางคราว

แต่สิ่งเดียว รวมทั้งสิ่งที่ดีที่สุดที่ในหนัง Don’t Worry Darling เรื่องนี้มีอยู่นั่นก็คือ “ฟลอเรนซ์ พิวจ์” ด้วยเหตุว่าเธอเป็นหญิงเพียง หนึ่งเดียวซึ่งสามารถแบกหนังทั้งเรื่องนี้ เอาไว้บนบ่าตัวเอง เพียงลำพัง นี่เป็นผลงาน การแสดงระดับ มาสเตอร์พีชของเธอ ที่เป็นงานแสดงที่ดี ใช้ได้แต่กลับมาอยู่ในหนัง ที่ไม่มีอะไรให้น่าจำเท่าไหร่นัก การมีอยู่ของฟลอเรนซ์ เป็นไฮไลต์ ที่เด็ดที่สุดของเรื่องนี้

Don’t Worry Darling พระเอก

การแสดงแบบน้อยแต่มาก ที่ให้ผลลัพธ์ออกมา ได้อย่างพอใจของเธอ

พยายามที่จะช่วยแก้ไข จุดอ่อนต่าง ๆ ของหนังเรื่องนี้ในหลายซีน แต่ถึงแม้การแสดงของเธอ จะดีสักมากแค่ไหน ก็ยังถูกกลบไปด้วยองค์ประกอบ ที่ออกจะไม่น่าอภิรมย์ สักเท่าไหร่ในหนังเรื่องนี้ ไปอย่างโชคร้าย นั่นก็เลยเป็นเหตุผลที่ดี เพียงสิ่งเดียว ที่พบเจอได้ ในหนังเรื่องนี้

ขณะที่นักแสดงคนอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น “แฮร์รี่ สไตล์ส” ที่ก็ยังเข้าไม่ถึงบทนี้ สักเท่าไหร่ ด้วยชั่วโมงบินทางการแสดงของเขา ยังออกจะน้อยอยู่ เป็นไอดอลหนุ่ม ที่มีฝีมือทางการแสดงอย่างเห็นได้ชัด

แต่ยังจะต้องขัดเกลา รวมทั้งใช้เวลามากยิ่งกว่านี้ รวมทั้ง “คริส ไพน์”, “เกมมา ชาน”, “กิกี้ เลย์น” รวมไปถึง โอลิเวีย ไวลด์ พวกเขาต่างให้ การแสดงที่ดีตามมาตรฐาน ก็แค่มันยังไม่เพียงพอ ที่จะช่วยกันประคองหนัง เอาไว้ได้แบบทีม

แต่เดี๋ยวจะหาว่า ใจร้ายเกินไป จริง ๆ อีกสิ่งที่อยากจะดู หนังใน Don’t Worry Darling เรื่องนี้อยู่แบบเดียวกัน ก็คือองค์ประกอบโปรดักชั่นออกแบบต่าง ๆ ยอมรับเลยว่าเรื่องนี้ ทำมาออกจะดีเลย

ถือว่าเป็นงานสร้าง ที่ออกจะลงดีเทล รวมทั้งน่าตื่นตาตื่นใจได้ดีกว่านี้ หากว่าได้มีประสบการณ์ได้ ไปดูเรื่องนี้ในโรงหนัง ด้วยเหตุว่านับว่าองค์ประกอบตรงจุดนี้ ของเขาก็มิได้ น่าเกลียด มีท่วงทำนองรวมทั้งรสนิยม ที่จัดจ้านพอสมควรเลย

โดยภาพรวม แล้วนั้น Don’t WorryDarling บางครั้งก็อาจจะไม่เชิงว่าเป็นหนัง ที่น่าผิดหวัง เพียงคนดูอาจ คาดหวังเยอะเกินไปด้วยเหตุว่าได้เห็น ทีมนักแสดงชุดใหญ่ ไฟกะพริบขนาดนี้

แต่โดยรวม ของหนังออกมา ได้แบบยังไปไม่สุดสักทาง บทหนังไม่ลึกซึ้ง การเล่าเรื่อง ยังมีปัญหา แต่ถือว่าดี ที่ยังมีนักแสดงที่พยายาม ช่วยยื้อศักยภาพ ของหนังเอาไว้อย่างเต็มที่ ท้ายที่สุดก็เลยออกมา เป็นหนังที่ออกจะโคลงเคลง ไปสักหน่อย ดูได้พอผ่าน ๆ แต่กลับยังไม่มีอะไร ให้ประทับใจมากเท่าไรนักเท่านั้นเอง

มุก วรนิษฐ์ โสดจีบได้

“มุก-วรนิษฐ์” แจ้งสถานะโสดจีบได้ ปัดแขวะ “ทอย” แฟนเก่า ตนมูฟออนไปแล้ว

จบรักครั้งเก่าไปนาน แต่นางเอกสาว มุก วรนิษฐ์ ถาวรวงศ์ ก็ยังถูกโยงไม่จบ หลังสาว เทีย เดอะ เฟซ อัปรูปยิ้มคู่ มุก ในไอจีสตอรีและ มุก ก็รีโพสต์ ตรงกับตอนที่ จีน่า–วิรายา เดอะเฟซ ออกมายอมรับ ว่าเลิกรากับ ทอย–ปฐมพงศ์ อดีตแฟนหนุ่มของ มุก ซึ่ง เทีย และ จีน่า ก็เคยตกเป็นประเด็นกัน

พบ มุก ร่วมงานแถลงข่าว “GMM TV 2023 : DIVERSELY YOURS” เลยคว้าตัวมาเคลียร์ ถึงเรื่องที่ มีคนโยงหลัง เทีย แท็กสตอรีเรามา?

“ อ๋อ เค้าแท็กสตอรีมา เราก็รีโพสต์แค่นั้นเลย ”

มันเป็นตอนที่จีน่าเลิกกับทอย คนก็เลยจับโยง เนื่องจากเทียก็เคยมีประเด็นกับจีน่า?

“ หนูไม่เกี่ยวกับประเด็นนั้นแล้วดีกว่า คือเพื่อนแท็กสตอรีมา เราก็รีโพสต์เป็นเรื่องปกติ มุกตกใจเรื่องประเด็นติ๊กต่อกมากกว่า มันจะมีอันหนึ่ง ที่ลิปซิงก์ยาว ๆ ซึ่งอันนั้นมันปีกว่าแล้ว แล้วมีคนเอามาลงอีกครั้งหนึ่ง แล้วแอปก็เก่ง พอมีเรื่องก็ดึงขึ้นมา ทำให้คนพูดถึงกัน แต่จริง ๆ หนูไม่ได้เกี่ยวข้อง ในขณะนี้ชีวิตหนูมีความสุขดี ”

มุก วรนิษฐ์ แจ้งสถานะ

เวลาคนจับโยงมันมีผลกระทบกับเรามั้ย?

“ เพื่อน ๆ ก็ส่งมาว่า เฮ้ย เราโดนดึงเข้าไป เอ่ยถึงอีกแล้ว ซึ่งชีวิตมุกมันไปเรื่องอื่นแล้ว ถามมีคอมเมนต์ด้านลบเยอะมั้ย มุกไม่ค่อยได้รับอะไร ที่มันเป็นด้านลบ มุกคิดว่าอะไรที่มันผ่านไป และก็ให้มันผ่านไป ทุกสิ่งทุกอย่างมันเคลียร์ไปแล้ว”

แล้วสถานะหัวใจเราในขณะนี้มีใครใหม่หรือยัง?

“ ไม่มีเลย ไม่มีแฟนค่ะ จีบได้นะคะ (หัวเราะ) คือที่ผ่านมาที่ถ่ายรูปกับน้อง ๆ ผู้ชาย หนูก็จะมีแคปชันว่า ป.ล.อันนี้ถ่ายแบบนะ อันนี้น้องนะ กลัวว่าพอเห็นปก ก็จะคิดว่าคนนี้แฟนมุก เลยไม่ได้ ๆ เรายังโสดอยู่ ประเดี๋ยวไม่มีใครเข้ามา ”

มีคนเข้ามา จีบบ้างมั้ย?

“ ก็มีบ้างค่ะ แต่ตัวมุกในขณะนี้คือช่วงอยู่กับเพื่อน แล้วเราชอบคนยากขึ้น ราวกับ ว่ากำแพงหนูสูงมากขึ้น เนื่องจากเราก็อาจต้องศึกษาใครนาน ๆ กลัวว่าคบแล้วจะเข้ากันมิได้ ความกังวลของหนู มันมากขึ้นแบบสองเท่าค่ะ ”

รีวิวหน่อยหนุ่มที่เข้ามาจะต้องเป็นแบบไหน?

“ หนุ่ม ๆ ที่เข้ามาก็อยากที่จะให้เป็นเพื่อนกันได้ มีความหวังดีต่อกัน แล้วก็หล่อหน่อยก็ดีค่ะ (หัวเราะ) ชอบคนหล่อค่ะ แต่จะต้องเป็นคนดีค่ะ อันนี้สำคัญที่สุดเลย ”

ถามเรื่องที่ เมฆ–จิรกิตต์ พี่ชายเราหมดสัญญากับ GMMTV แล้ว เค้ามีมาปรึกษาเรามั้ย?

“ ก็เป็นการตัดสินใจของเค้าค่ะ เค้าก็มีคิดอยู่ว่า เค้าจะไปทางไหนดี แต่เท่าที่มุกได้ยินคือเค้าต้องการไปเรียนต่อ อยากรู้ว่าตัวเองชอบอะไร คิดว่าเค้าจะไปต่างประเทศนะ เค้าเป็นคนติสต์ เราไม่ทราบจริง ๆ ว่าเค้าจะเอายังไงกันแน่ เราก็ตามใจพี่ชายค่ะ ตัวเค้าก็มีความชอบหลายอย่าง ในขณะนี้เค้าก็เริ่มชอบธุรกิจแล้ว ก็ต้องลองดูว่าถัดไป เค้าจะเป็นอย่างไร ”

มุกยังมีความสุขกับการเป็นนักแสดงในสังกัดใช่มั้ย?

“ ใช่ มุกเพิ่งเซ็นสัญญาไปค่ะ ต่ออีก 5 ปีค่ะ รวมแล้วก็เป็น 15 ปี เรามิได้มีปัญหา กับค่ายทั้งพี่เมฆทั้งมุกเลย ตอนเซ็นสัญญาใบแรก มุกมีความรู้สึกว่าเราต้องการทำงานเยอะ ๆ เราคาดหมายเยอะ พอสัญญาใบที่สอง เราก็เริ่มขอบทบาทที่มันอยากทำ แต่พอเป็นใบที่สามแล้ว ก็มีความรู้สึกว่าต้องการเป็นตัวเอง ต้องการทำอะไรเราก็ทำ ไม่อยากทำหนู ก็ขอบอกได้มั้ย ในขณะนี้มุกก็มุ่งหน้า มาทางธุรกิจเช่นกัน ”

มุก วรนิษฐ์ ปัดแขวะ

“มุก วรนิษฐ์” ต่อสัญญาต้นสังกัด5ปี แจง คลิปติ๊กต๊อกเป็นคลิปเก่าไม่ได้ พูดถึงใคร

ภายหลังที่ นักแสดงหนุ่มหน้าใสอย่าง “เมฆ จิรกิตติ์ ถาวรวงศ์” พี่ชายของ “มุก วรนิษฐ์” ได้ออกมาประกาศ ไม่ต่อสัญญากับต้นสังกัด และผันตัวเป็นนักแสดงอิสระ

ปัจจุบัน น้องสาวอย่าง “มุก วรนิษฐ์” ได้เผย ถึงเรื่องนี้ว่า ” มุกก็ตามใจพี่ชายค่ะ มุกก็มีความรู้สึกว่าหาก เราทำงานวงการต่อมัน ก็มีโอกาสนะ แต่ตัวเขาเอง ก็มีอะไรหลาย ๆ อย่างที่ต้องการทำ ในขณะนี้เขาก็เริ่มถูกใจธุรกิจแล้วด้วย ถัดไปเค้าจะเป็นอย่างไรก็ยังให้กำลังใจเขา ในขณะนี้เท่าที่รู้ คือเขาพักงานวงการไปก่อนเลย แต่ไม่กี่เดือน เขาขออยู่กับตัวเองก่อน ว่าจริง ๆ แล้วตัวเองชอบอะไร

ก็ถือว่าไม่ใช่ข่าวร้าย ไม่ใช่ข่าวดี ถือได้ว่าเป็นการเติบโต การเปลี่ยนผ่านของชีวิต มิได้ถึงขั้นอำลาวงการ ส่วนของมุก ก็เพิ่งเซ็นสัญญาไปค่ะ ต่ออีก5 ปีค่ะ รวม ๆ แล้วก็เป็น 15 ปี หากจะบอกว่าเรามีปัญหาอะไร กับค่ายหรือไม่ ต้องบอกว่าไม่มี ทั้งพี่เมฆ ทั้งมุกเลย ก็รักตรงนี้มากค่ะ อย่างสัญญาใบแรกมุก ก็อยากจะทำงานเยอะ ๆ ต้องการลองทำอะไรใหม่ ๆ เยอะๆ ต้องการเล่นซีรีส์เยอะ ๆ เราคาดหมายเยอะ

อย่างสัญญาใบที่สอง เราก็เริ่มต้องการทำบทที่ต้องการทำเพิ่มมากขึ้นค่ะ แต่พอเป็นใบที่สาม ก็มีความรู้สึกว่าต้องการเป็นตัวเอง ต้องการทำอะไร เราก็ทำ ไม่อยากทำอะไรหนู ขอบอกได้ไหม ขอความเห็นกันอย่างนี้อะค่ะ ในทางบทบาทมุกรู้สึกว่ามุกต้องการ ทำอะไรที่มันสบายใจ ดูแลสุขภาพ ดูแลครอบครัว 3ปีที่ผ่านมามุกเสียคุณพ่อ ต้องการโฟกัสชีวิตเพิ่มมากขึ้น ไม่อยากเสียอะไร ไปอีกอย่างนี้ค่ะ ”

ยิ่งกว่านั้น “มุก วรนิษฐ์” ยังได้ชี้แจงถึง คลิปในติ๊กต๊อก ที่เจ้าตัวลิปซิงก์ เป็นเรื่องราวในทำนองว่าถูกแย่ง คนที่ชอบไป แล้วมีคนเอาไปโยงพาดพิงถึงคนอื่นนั้น

ซึ่งสาวมุก ก็ได้เผยว่าคลิปดังกล่าว เป็นคลิปเก่าปีกว่าแล้ว ก็มีคนเอามาลงใหม่ คนก็เอ่ยถึงกัน เอาไปโยง คือตัวเราเราเองไม่เกี่ยวข้อง กับเรื่องของใคร ต้องการบอกว่าทุกคนมันไม่เกี่ยวกับหนูแล้วนะ ในขณะนี้หนูก็มีความสุขดี ส่วนสถานะหัวใจในเวลานี้ยังโสด.

 

She Said รีวิวหนัง

รีวิวหนัง “She Said เสียงเงียบของเธอ” ที่ตอนนี้เสียงนั้น จุดประกายกึกก้องไปทั้งโลก

หนังสายรางวัล ก็เริ่มคืบคลานมาเปิดฤดูในเมืองไทย แบบเบา ๆ แล้วเหมือนกัน ส่งหนังโฉบเฉียดรางวัลเรื่องแรก ๆ ของปีนี้มาด้วย “She Said เสียงเงียบของเธอ” ที่มากับประเด็นทางสังคม สุดอื้อฉาวคาวโลกีย์ ที่แปลงเป็นแรงกระตุ้น และก็การขับเคลื่อนสิทธิสตรีครั้งใหญ่ ระดับโลกในปัจจุบัน เพียงความพยายามกล้า ที่จะออกเสียงออกมา จากเสียงเล็ก ๆ เปลี่ยนมาเป็นเสียงตะโกน ที่กึกก้อง กับเรื่องราว ที่พวกเธออยากจะให้โลกได้รับทราบ!

SheSaid เสียงเงียบของเธอ เป็นวีรกรรมของ 2 นักข่าวที่สื่อยักษ์ใหญ่ New York Times อย่าง เมแกน ทูเฮย์ กับ โจดี้ คานทอร์ พวกเธอได้กระทำเปิดเผย และก็เปิดตัวการเคลื่อนไหว ของแคมเปญ #MeToo ที่แปลงเป็นการขับเคลื่อนสังคมครั้งยิ่งใหญ่ ในรอบทศวรรษ ด้วยการเปิดเผยความประพฤติ ชั่วใช้ความรุนแรงทางเพศครั้งประวัติศาสตร์ ที่อื้อฉาวไปทั่ว ทั้งแวดวงฮอลลิวูด เกี่ยวกับความประพฤติของผู้บริหารระดับสูง จากสตูดิโอหนังชื่อดังแห่งหนึ่ง

She Said บัดนี้เสียง

She Said เป็นถ้าหากว่าคุณเคยประทับใจ จากหนังสายรางวัลประเภท หนังสอบสวนเชิงข่าว

อย่าง “Spotlight คนข่าวคลั่ง” ที่ได้ออสการ์ไป หรือ “The Post เอกสารลับเพนตากอน” ที่เคยโดดเด่นบนเวทีรางวัล คุณก็คงจะหลงใหล และก็ลื่นไหลไปกับหนังเรื่องนี้ ได้ง่าย ๆ ด้วยเหตุว่าโทนของหนัง ก็มาในแนวทางและก็ท่วงทำนองเหมือนกัน

คือแปลงเป็นหนังดราม่าสอบสวน ที่แทบจะกลายเป็น เชิงสารคดีข่าวไปแล้ว ในระดับหนึ่ง การเล่าเรื่องทำออกมาได้ค่อนข้างจะ ดูง่ายและก็ย่อยง่าย คนดูสามารถแตะ ประเด็นต่าง ๆ ของหนังได้อย่างเห็นได้ชัด โดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้ความคิดอะไรเยอะ

นี่เป็นผลงานกำกับ หนังฮอลลิวูดเรื่องแรกเต็มตัว ของนักแสดงสาวชาวเยอรมัน “มาเรีย ชเรเดอร์” ที่อาจกล่าวได้ว่าฝีไม้ลายมือ ของเธอนั้น ก็ค่อนข้างจะเอาเรื่องอยู่ สามารถชูประเด็นและก็เสนอ หนังออกมาได้ในจังหวะที่ใช้ได้ ผลักดันเล่าเรื่องออกมาได้ค่อนข้างจะมีอรรถรสดี เพียงแต่ว่าสเกลของหนังอาจจะค่อนข้างใหญ่เกินไป สำหรับประสบการณ์ ของเธอสักนิดหน่อย ทำให้ยังมีหลาย ๆ องค์ประกอบที่ยังสัมผัสได้ว่า ไปได้ไม่สุดทาง ทำออกมาได้ยังไม่จัดจ้านพอ และก็ยังเต็มไปด้วยส่วนขาด ๆ เกิน ๆ ปะปนออกมาอยู่มาก

โดยหนังเรื่องนี้ ได้นักประพันธ์ฝีมือดี ชาวอังกฤษ “รีเบคก้า เลนคีวิซ” (จาก Disobedience และ Ida) ที่นับว่าคลุกคลีและก็ถือเอาประสบการณ์ตรงสำหรับการ ทำงานข่าวเชิงสอบสวนของ เมแกน ทูเฮย์ กับ โจดี้ คานทอร์ มาร้อยเรียงเป็นเรื่องราว

หนังอาจมีแนวทางการเล่าเรื่อง ที่ค่อนข้างจะเข้าถึงง่าย และก็ไหลลื่นไปตามกระแสที่ใช้ได้ ถึงกระนั้นก็ยังพบว่า มีบางจุดที่ค่อนข้างจะย้วยเกินจำเป็น ยืดยานโดยใช้เหตุ ถ้าว่าสามารถกระชับ ในจังหวะการเล่าได้ขึงขังได้อีกสักนิด มีความรู้สึกว่าหนังคงจะตรึงใจได้ยิ่งกว่า

แม้ว่า She Said มาได้วัตถุดิบและก็ประเด็นชั้นยอด เอามาปรุงรส แต่ก็แอบเสียดาย อยู่เล็กน้อยที่ว่าประเด็น ที่หนักแน่นและก็ยิ่งใหญ่ที่ทรงอิทธิพลขนาดนี้ กลับทำออกมาได้ในแบบที่ ยังไม่ค่อยทรงพลังสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะเมื่อนำไป เปรียบเทียบกับหนังเชิงข่าวทั้ง 2 เรื่อง ข้างต้นที่อ้างอิง เข้าไปข้างต้นนั้น

นับว่าเรื่องนี้ยังค่อนข้างจะห่างไกลจาก คำว่าเพอร์เฟ็คไปอย่างน่าผิดหวังนิด ๆ ด้วยเหตุว่าในสุดท้ายหนัง หนังแทบจะมิได้สร้างมิติ และก็ลูกเล่น ได้อย่างมีเชิงชั้น เป็นเพียงการเล่าเรื่อง ไปตามสูตรแบบจับวาง ตามไทม์ไลน์ที่ควรมีเสน่ห์ ได้มากกว่านี้

She Said กึกก้อง

She Said จุดประกาย

ถึงกระนั้นหนังก็ยังโชคดี ที่มีกลุ่มนักแสดงคุณภาพ มาปล่อยของและก็พ่นไฟ ในหนังเรื่องนี้

ที่ช่วยแบกและก็พยุงหนังเอาไว้ แทบทั้งเรื่อง “แครี่ มัลลิแกน” กับ “โซอี้ คาซาน” เปรียบได้ว่าเป็นคู่หูนางแบบ ของหนังเรื่องอย่างแท้จริง การแสดงที่ลื่นไหน ของพวกเธอ นับว่าทำออกมาได้ดี ตามมาตรฐาน เพียงแต่น่าเสียดายอยู่บ้าง ด้วยเหตุว่าเชื่อว่าพวกเธอ ยังสามารถทำได้ดีกว่านี้ หากว่าส่วนประกอบของเขา มีความหนักแน่น มากยิ่งขึ้นกว่านี้อีก

“แพทริเซีย คลาร์กสัน”, “อันเดร บรอย์เกอร์” หรือ “เจนนิเฟอร์ เอเล่” ถือว่าเป็นกลุ่มนักแสดงสมทบ ที่มาช่วยเพิ่มรสชาติ ให้กับเรื่องนี้ และก็อย่างน้อย ๆ หนังก็ยังใส่ลูกเล่น ที่น่าสนใจด้วยการเชื้อเชิญ นักแสดงที่เคยกลายเป็นเหยื่อ ในกรณีดังกล่าว มาร่วมแจมรับเชิญในหนังด้วย บางคนจะเป็นตัวเป็นตน หรือบางคนจะมาแค่เพียงเสียง แต่ถือว่าเป็นกิมมิก ที่พยายามช่วยยกระดับ ความทรงพลังให้กับ หนังเรื่องนี้ได้ยิ่งขึ้น และก็เป็นการส่งสาร ที่สตรองยิ่งขึ้น

หนึ่งในลูกเล่น ที่ค่อนข้างจะน่าสนใจ แม้ว่าจะไม่ใช่อะไร ที่แปลกใหม่เท่าไร นั้นก็ถือถือเอาหลักฐาน จากสถานการณ์จริง มาใช้ประกอบในหนัง โดยเฉพาะคลิปเสียงต่าง ๆ ของผู้บริหารสตูดิโอหนัง ที่ถูกกล่าวอ้างนั้น ถูกเอามาเปิดใช้ประกอบ ในเรื่องนี้ ถือว่าเป็นจุดที่กล้าได้กล้าเสีย ของหนังไม่น้อย ด้วยเหตุว่าทำอะไรอย่างงี้ก็เสี่ยง ที่จะถูกฟ้องร้องได้เหมือนกัน แต่เมื่อเจตนาของหนัง ต้องการที่ตีแผ่สังคมและก็เปิดเผย ในช่วงหนังสารคดีข่าว การเลือกเทคนิคนี้ มาใช้ก็พอจะสมเหตุสมผลด้วยดี

เอาเป็นว่าโดยภาพรวมแล้วนั้น She Said เสียงเงียบของเธอ ก็นับว่าเป็นหนังสอบสวนเชิงข่าว ที่พอดูได้อย่างจับใ ถึงหนังจะยังมิได้เพอร์เฟ็ค ในทุกทิศทาง มีข้อบกพร่องอยู่เยอะไปหมด โดยเฉพาะแนวทางการนำเสนอ ของเรื่องที่มิได้หนักแน่นแข็งแรงเพียงพอ

ทั้ง ๆ ที่ได้ประเด็น ที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้มาเล่น แต่หนังก็ได้ทำหน้าที่ สื่อสารตามจุดประสงค์ของเรื่องได้อย่างสำเร็จ กับการเป็นกระบอกเสียง ให้กับเพศหญิง ที่กลายเป็นเหยื่อ การใช้ความรุนแรงทางเพศ ที่ให้พวกเธอได้กล้า ที่จะเปล่งเสียงกันออกมา ไม่ใช่แค่จำยอม เพียงแต่การกดขี่ภายใต้อิทธิพล

โดยเหตุนั้น She Said เรื่องนี้ก็เลยเต็มไป ด้วยประโยคและก็วลีเด็ด ๆ สำหรับการใช้เพียงแค่ขับเคลื่อนสังคม เอาไว้มากมาย แต่มีอยู่ประโยคหนึ่ง ที่ทำให้มีความรู้สึกขยะแขยงและก็หดหู่ใจ ไปในครั้งเดียวที่ได้ยินว่า

” กฎหมายก็เป็นแค่เพียงเครื่องมือที่ใช้ปกป้องคนที่ละเมิดให้ยังคงอยู่และไปกระทำกับคนอื่น ๆ ต่อ ” ช่างเป็นท่อนคำที่รู้สึกจุกอก ด้วยเหตุว่า นี่มันเป็นความจริงในสังคม ด้วยเหตุว่าท้ายที่สุดแล้ว คนธรรมดา ๆ ที่อำนาจเป็นศูนย์ จะไปสู้อะไรได้ กับคนที่เรืองรอง อิทธิพลอยู่เต็มสิบ

ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง She Said เสียงเงียบของเธอ

ประเภท: ดราม่า

ผู้กำกับ: มาเรีย ชเรเดอร์

แสดงนำโดย: แครี่ มัลลิแกน, โซอี้ คาซาน

ความยาว: 129 นาที

ระบุฉายในไทย: 1 ธันวาคม 2022 (ในโรงภาพยนตร์)

ครอบครัวกวน ป่วนงานแต่ง รีวิวหนัง

รีวิวหนัง “The People We Hate at the Wedding ครอบครัวกวนป่วนงานแต่ง”

ครอบครัวกวน ป่วนงานแต่ง ว่ากัน ว่า..ครอบครัว กับงานแต่งงาน มักจะเอามาสร้างสรรค์ เรื่องเล่าสุดเกิน จะอธิบายได้หลายเรื่องทีเดียว และนั่นจึงเปลี่ยน มาเป็นสาเหตุของ หนังตลกปนวิวาห์ที่มีชื่อว่า “The People We Hate at the Wedding ครอบครัวกวนป่วนงานแต่ง” ที่บางทีอาจจะเป็นเพียง หนังตลกครอบครัวฟอร์มเล็ก ๆ แต่ว่าเมื่อได้เห็น แคสติ้งผู้แสดงนำ ในหนังเรื่องนี้แล้ว ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า … ละสายตา และความสนใจ ไปไม่ได้เลย

The People We Hate at the Wedding เรื่องราวของ อลิซ กับ พอล พี่น้อง ที่ยังเจอกับปัญญา ที่ไม่เข้าใจกันและกัน ยืดเยื้อมายาวนานหลายปี พวกเขาดิ้นรน อย่างไม่ค่อยเต็มใจ สักเท่าไหร่ ที่จะไปร่วมงานสมรสของ เอลูอิส ลูกพี่ลูกน้อง ต่างพ่อที่กำลัง จะจัดขึ้น ในเมืองแทบจะ ชนบทของอังกฤษ และพวกเขาก็จะต้องไปพบหน้ากับ ดอนน่า แม่แท้ ๆ ของพวกเขา ที่ถือได้ว่าเป็นงานรวมญาติ ที่เต็มไป ด้วยรอยร้าว ในสัมพันธ์

ครอบครัวกวนป่วนงานแต่ง หลายเรื่อง

ครอบครัวกวนป่วนงานแต่ง มีชื่อว่า

ครอบครัวกวน ป่วนงานแต่ง หนังปรับเปลี่ยน มาจากนิยายขายดี ชื่อเดียวกัน ของนักเขียนหนุ่ม “แกรนต์ กินเดอร์”

ผลงานล่าสุดของ ผู้กำกับหญิง “แคลร์ สแคนลอน” ที่เราคงจะรู้จักดี กับเธอ ในหนังรักเฉิ่ม ๆ แต่ว่าสนุกดี อย่าง Set It Up เมื่อไม่กี่ปีมานี้ โดยส่วนมากแล้วเธอผู้นี้ มักจะกำกับงานทีวีซีรีส์ อยู่หลาย ๆ เรื่อง และนี่เป็นการ กลับมาทำงานหนังใหญ่อีกรอบ ที่แน่ ๆ ว่าเธอรู้จังหวะ และลีลาท่าทางในการ ทำอย่างไรให้หนังออกมา ได้สนุกสนาน

แต่กลับโชคร้ายไป สักนิดที่นั้น เนื่องจากท้ายที่สุดแล้วนั้น The People We Hate at the Wedding ก็เป็นเพียงหนังตลก แกมประเด็น ครอบครัวป่วน ๆ

ที่เป็นพล็อตสำเร็จรูป ที่เราเคยเห็นอะไรแบบ มาจากหนังดัง ๆ หลายเรื่อง ตั้งแต่เมื่อ 10-20 ปีที่ผ่านมา ทำให้หนัง ไม่ค่อยมีอะไร ที่สดใหม่และแปลกใหม่ ที่สร้างเซอร์ไพรส์ ให้กับผู้ชมสักเท่าไหร่ มาพร้อมกับการเล่าเรื่อง สูตรสำเร็จ ที่จัดมาอย่างเพรียบพร้อม ตั้งแต่เริ่มต้นถึงสิ้นเรื่อง

ถึงแม้หนังจะมีความโดดเด่น เกี่ยวกับการเกลี่ยอัตลักษณ์ และสตอรี่ของแต่ละคาแรกเตอร์ ออกมาได้ค่อนข้างจะชัดเจน อีกทั้ง 3 ตัวละครหลัก ต่างมีเรื่องราวและปัญหา ของพวกเขาอยู่ จะต้องรับมือและจัดการ ด้วยตัวของพวกเขาเอง

เพียงแต่ว่าหนังและบทหนัง ยังไม่สามารถที่จะขยี้และบ่มออกมา ให้มีพลังและจิตวิญญาณ ได้กว่านี้ ทำให้หลาย ๆ ใจความสำคัญ ที่ดูคงจะสำคัญ แต่กลับทำเป็นเพิกเฉย ไปอย่างน่าผิดหวัง เนื่องจากหนังมัว แต่จดจ่อ อยู่กับการใส่ความ ขัดแย้งป่วน ๆ ระหว่างครอบครัวเยอะเกินไป

The People We Hate at the Wedding เป็นหนังที่วางธีม เอาไว้เป็นหนังตลกครอบครัว แบบปั่นป่วนกันด้านใน เป็นหนังที่ค่อนข้างจะ เคยเป็นสูตรสำเร็จ ในช่วงเทศกาลสิ้นปี ของแวดวงฮอลลิวูด เมื่อสักทศวรรษก่อนที่

เราจะได้เห็น หนังโทนนี้ ออกฉายในโรงในทุก ๆ ปี แต่ว่าระยะเวลาผ่านไป หนังแนวนี้ ได้ลดบทบาท เหลือเพียงแค่หนังฉายสตรีมมิ่งแทนแล้ว และน่าผิดหวัง ที่ศักยภาพของหนังแนวนี้ ก็มิได้พัฒนา ขึ้นสักเท่าไหร่เลย

ท่ามกลาง แพ็คเกจสำเร็จต่าง ๆ ที่ใส่เข้ามา ในหนังเรื่องนี้นั้น สิ่งที่ดีที่สุดของหนังเรื่องนี้ และช่วยรับหน้าที่ แบกเอาไว้อย่างมาก ก็คือทีมนักแสดง ของเรื่อง 3 ดารานำของเรื่องนี้ ทำหน้าที่ของพวกเขา ด้วยความเป็นมือโปร

ถึงแม้บทหนัง จะค่อนข้างจะเปื่อยยุ่ย แต่ว่าพวกเขา ก็พยายามอย่างยิ่ง ที่จะช่วยประคอง หนังเรื่องนี้ ด้วยทักษะการแสดง จากเสน่ห์ ของพวกเขาเอง

ครอบครัวกวน ป่วนงานแต่ง ไม่ได้

“คริสเตน เบลล์” กับ “เบน แพลต” ต่างมอบ การแสดงที่ เป็นธรรมชาติอย่างดีเยี่ยม

ถึงแม้บทบาท ที่พวกเขาได้รับนั้น จะค่อนข้างจะธรรมดา ๆ และให้รสชาติแบบเดิม ๆ ที่มิได้รู้สึกแปลก ในการรับรสเท่านั้น แอบเสียดาย ที่ปมด้อยในใจ คาแรกเตอร์ที่พวกเขา ได้รับแอบน่าสนใจอยู่ไม่น้อย แต่ว่าหนังกลับไม่ได้ ทำการบ่มเพาะจุดนี้ ได้อย่างยอดเยี่ยม เท่าที่ควร กลายออกมา เป็นความจืดจางบนพื้นฐาน ของแพ็คเกจสูตรสำเร็จ ไปสักนิด

ในระหว่างที่ “แอลลิสัน แจนนีย์” ก็ยังคง มอบการแสดง ที่เป็นตัวเธอ บทนี้ก็เสมือน สร้างสรรค์ให้มาเพื่อเธอ โดยเฉพาะ แต่ว่าบทบาทอะไรอย่างนี้นั้น เราก็เคยเห็นเธอ เล่นเอาไว้มาแล้ว จากผลงาน เรื่องก่อน ๆ จึงไม่ค่อยได้เห็น อะไรที่ทำให้มีความรู้สึกเซอร์ไพรส์ เป็นการวนลูป ในบทที่ซ้ำ ๆ ที่จะต้องยอมรับว่าเธอเอง ก็ยังจัดการ เอาไว้ได้ดีและ เป็นมือโปรอย่างมาก เพียงแต่ทุกอย่างค่อนข้างจะ สัมผัสลงไปแบบผิวเผินเท่านั้น

ทั้งนี้ ตกลงว่า The People We Hate at the Wedding บางทีอาจจะเป็นหนังตลก ครอบครัวที่มาพร้อมทั้ง ความสำเร็จรูป รูปแบบเดิม ๆ ที่ยังไม่ค่อย ข้างมีอะไรแปลกใหม่ออกมา ให้เห็นสักเท่าไหร่ โชคเข้าข้างที่หนัง ได้ทีมนักแสดงนำ มาช่วยรับหน้าที่ เป็นนางแบก ทั้งเรื่องเอาไว้ ได้อย่างมุ่งมั่น แต่ว่าผลลัพธ์ที่ออกมานั้น นี่ก็คือหนังป่วนวันวิวาห์ ในแบบที่มิได้เหนือความคาดหมาย ใด ๆเป็นหนังที่ เปิดดูเล่น ๆ ผ่าน ๆ ไป ที่ยังไม่มีอะไร เป็นมีมและน่าจำ อะไรได้สักเท่าไหร่เลย

รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง The People We Hate at the Wedding

ประเภท: ตลก

ผู้กำกับ: แคลร์ สแคนลอน

แสดงนำโดย: เบน แพลต, คริสเตน เบล์, แอลลิสัน แจนนีย์, ซินเธีย แอดดัย-โรบินสัน

ความยาว: 99 นาที

ระบุฉายในไทย: 18 พฤศจิกายน 2022 (ที่ Prime Video)

Black Panther น้องริริ

น้องริริ Ironheart ตัวตึงวาคานด้า จะเป็นยังไงต่อไป หลังจบ “Black Panther 2”

Black Panther : Wakanda Forever ไม่ได้เป็นเพียงหนัง ที่อุทิศให้ กับการจาก ไปของแชดวิก โบสแมนแค่นั้น แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ ยังได้เปิดตัว ตัวละครใหม่ ที่เป็นเหมือนผู้สืบทอด ตำนานชุดเกราะเหล็ก สาวน้อยอัจฉริยะ ที่ความหลักแหลมของเธอ ชักพาให้เธอ เข้าสู่ศึกระหว่าง วาคานด้า

รวมทั้งทาโลคาน ริริ วิลเลียมส์ ในสมญานาม Ironheart ที่ ขอบอก เลยว่าเธอ คนนี้มีเสน่ห์ ไม่น้อยเลยทีเดียว เป็นผู้ที่สามารถ ทำให้นายพล สุดแกร่งของหน่วย โดรามิลาเจ ถึงกับเสียเซลฟ์ได้ ทำให้เธอเป็น หนึ่งในตัวตึง วาคานด้าเลยทีเดียว แต่คำถาม ก็คือเรื่องราว ของเธอภายหลังจาก จบภาพยนตร์เรื่องนี้ จะเป็นยังไงต่อไป

Black Panther ตัวตึง

เรารู้กันเพียงว่า Ironheart จะมีซีรีส์ ที่มาเล่าเรื่องราวของตนเองต่อ Black Panther

มันจะออกมาเป็นยังไงนั้น ล่าสุด Dominique Thorne เจ้าของ บทริริ วิลเลียมส์ ได้ ให้สัมภาษณ์กับ Screen Rant ว่า…

“ มันเป็นคำถาม ที่จะคำตอบ มันรออยู่แล้ว ในซีรีส์ ที่จะฉายปีถัดไปค่ะ

แต่ฉันรู้สึกว่าหลายสิ่ง ที่เราได้เห็นริริใน Wakanda Forever เป็นจุดเริ่ม ของการแสดง

ให้เห็นความทะเยอทะยาน ของเธอ รวมทั้งเริ่มเข้าใจว่า แท้จริงแล้ว มันหมายความว่อะไร

ในหนังได้ มีการบอกใบ้ อยู่แล้วค่ะ เธอได้กลับไปที่ MIT แล้วก็มีธุรกิจเล็ก ๆ ของตนเองอยู่

กระทั่งเธอได้เห็น โลกที่กว้างขึ้น แล้วเธอก็ไม่มีทางเลือก อื่นนอกจากต้องประจันหน้ากับมัน

ฉันรู้สึกว่า การเผชิญหน้านั้น เธอไม่ได้มีอะไรเลย นอกจากความฉลาด ของตนเอง

นั่นมันทำให้น่าดึงดูด ในตัวของมันเองเลยค่ะ ถ้าทุกคนมองเห็นสิ่งเหล่านั้น

พวกเขาก็บางทีอาจจะ ชื่นชอบสิ่งที่ กำลังจะเกิดขึ้น ในซีรีส์ ที่จะฉายปีถัดไป ด้วยเหมือนกันนะคะ ”

 

สิ่งที่น่าดึงดูด ในตัวของริริ วิลเลียมส์ ก็คือ เธอมีความอัจฉริยะ ประเภทที่ทัดเทียมกับชูริ

เธอสามารถ สร้างชุดเกราะนี้ ขึ้นมาได้ แต่สิ่งที่ทำให้ เธอไม่เหมือนกับโทนี สตาร์

ก็คือ เธอไม่ใช่มหาเศรษฐี เธอเป็นแค่เพียง เด็กธรรมดา

ที่ต้องฝ่าฟันชีวิต มันน่าดึงดูดที่ว่า เธอจะสามารถ ใช้ความอัจฉริยะของตนเอง

ออกมายังไง แล้วจะ สร้างชุดเกราะของตนเอง ขึ้นมา ในแบบไหน

นี่ทำให้ Ironheart เป็นอีกตัวละครหนึ่ง ที่น่าติดตามต่อ เลยทีเดียว

 

“Black Panther: Wakanda Forever” ประกาศศักดา..มุ่งหน้า 200 ล้านบาท ภายหลังจาก “ Marvel Studios’ Black Panther: Wakanda Forever แบล็ค แพนเธอร์ วาคานด้าจงเจริญ ” ภาคต่อ ภาพยนตร์ซูเปอร์ วีรบุรุษฟอร์มยักษ์ ระดับตำนาน

ก็หวนกลับมา ทำสถิติ เปิดตัวยิ่งใหญ่ ที่สุดใน จักรวาลมาร์เวล พร้อมปิดเฟส 4 ของจักรวาลมาร์เวล อย่างงดงามรวมทั้งยิ่งใหญ่

ใกล้ถึง สถิติภาพยนตร์ ของจักรวาลมาร์เวล ที่ทำเงินสูงสุด ตามติด Marvel Studios’ Doctor Strange in the Multiverse of Madness : จอมเวทย์มหากาฬ ในมัลติเวิร์สมหาภัย

ตอนนี้ที่กำลัง มุ่งสู่ 200 ล้านบาท ที่เหล่าสาวก รวมทั้งแฟนคลับ มาร์เวลต้องห้ามพลาด

นักวิพากษ์วิจารณ์ รวมทั้งผู้ชมต่างสรุป ไปในทิศทางเดียวกันว่า

บทภาพยนตร์ถ่ายทอด อารมณ์ความรู้สึก ของตัวละครรวมทั้ง เรื่องราว ได้อย่างเข้มข้น รวมทั้งลึกซึ้ง ที่สุดเท่าที่ เคยปรากฏ ในจักรวาลมาร์เวล การถ่ายทอด เรื่องราวของสงคราม การสูญเสีย ซ้ำแล้วซ้ำอีกของวาคานด้า

รวมทั้งการจากไป ของ ที ชัลล่า ซึ่ง การถ่ายทอด เรื่องราวทั้งหมด ของภาพยนตร์ ที่ความยาวเกือบจะ 3 ชั่วโมง ถือเป็นปรากฏการณ์สำคัญ ของยุคแห่งมาร์เวล ก็ว่าได้ ด้วยความสามารถการควบคุม การแสดงจากไรอัน คูเกลอร์ (Ryan Coogler) กับคำนิยาม จากนักวิจารณ์ว่า “ ภาพยนตร์ ที่เปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณ รวมทั้งอารมณ์ความรู้สึก ”

Black Panther วาคานด้า

อีกหนึ่ง ไฮไลท์สำคัญ ที่ทำให้นักวิพากษ์วิจารณ์ เทคะแนน ให้กับหนังเรื่องนี้ เป็น ความสามารถการแสดง

ของเหล่านักแสดง ที่ผู้ชมคุ้นหน้า นำทีม โดย แองเจลา บาสเซตต์ (Angela Bassett) เลทิเทีย ไรท์ (Letitia Wright) ลูพีตา ญองอ (Lupita Nyong’o) วินสตัน ดุ๊ก (Winston Duke) ลูพีตา ญองอ (Lupita Nyong’o) รวมทั้งโดยเฉพาะอย่าง เตนอช เวร์ตา (Tenoch Huerta)

ที่ฝากความสามารถ ในบทเนมอร์ (Namor) เจ้าผู้ปกครองใต้มหาสมุทรทาโลแคน ได้อย่างยิ่งใหญ่ ทรงพลัง รวมทั้งมีสเนห์ สมกับที่สาวก มาร์เวลรอการมาถึง รวมทั้งโดมินิก ธอร์น (Dominique Thorne) กับบทรีรี วิลเลียมส์ หรือ Iron Heart ที่ได้ใจ ผู้ชมไปเต็ม ๆ

มากไปกว่านั้น แนวทางการถ่ายทำ การลำดับภาพ เสื้อผ้ารวมทั้งแฟชั่น ในภาพยนตร์ ที่สร้างสรรค์รวมทั้งถ่าย ทอดออกมา ได้อย่างงดงาม ทั้งฝั่งวาคานด้า รวมทั้งทาโลแคน ประกอบกับ ดนตรีประกอบภาพยนตร์ ที่ถูก แต่งขึ้นเพื่อเชิดชูภาพยนตร์

รวมทั้งแบล็ค แพนเธอร์ โดยเฉพาะ เต็มเปี่ยมไป ด้วยอารมณ์ ความรู้สึกถึง การสูญเสีย รวมทั้งพลังสำหรับในการต่อสู้ อาทิ เพลง “ Lift Me Up ” ที่ได้ Rihanna ซูเปอร์สตาร์ระดับโลก หวนจับไมค์อีกรอบ ในรอบหลายปี เพื่อมอบให้ กับช่วงชีวิต ที่แสนพิเศษรวมทั้งตำนาน ของแชดวิก โบสแมน

 

“ นิว ฐิติภูมิ เตชะอภัยคุณ ” สาวกมาร์เวล ตัวยงหลังจากที่ดู ภาพยนตร์จบแล้ว ถึงกับเอ่ยปากว่า “ ภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นภาพยนตร์ ที่ยอดเยี่ยม แห่งปีของ จักรวาลมาร์เวล ที่ทุกคนต้อง ห้ามพลาด ภาพยนตร์ ถ่ายทอด เรื่องราวความรู้สึก ออกมาได้อย่าง น่าทรงพลังตลอดเวลา

เกือบจะ 3 ชั่วโมง ดูจบแล้วคือ ต้องมาดูรอบ 2 เพิ่ม อย่างแน่นอน การันตีว่า ออกมาจากโรงหนัง จะน้ำตาคลอเบ้าอย่างแน่นอน ห้ามพลาด มาชมในโรงหนัง เท่านั้นนะครับ ”

 

ด้าน “ แอนนา เสืองามเอี่ยม ” เล่าความ รู้สึกว่า “ ต้องการเชิญชวนแฟนมาร์เวล หรือ แฟนภาพยนตร์ ทุกคนมาชม Marvel Studios’ Black Panther: Wakanda Forever แบล็ค แพนเธอร์ วาคานด้าจงเจริญ ด้วยเหตุว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ ถือเป็นผลงาน มาสเตอร์พีซ ที่สร้างสรรค์ขึ้นมา เพื่อสร้างการ เปลี่ยนแปลงจริง ๆ

นอกนั้น มาร์เวล ยังวางพลอต เรื่องที่ให้ ซุปเปอร์วีรบุรุษหญิง หรือนักรบหญิง ได้โชว์ความสามารถ อย่างเต็มเปี่ยม รวมทั้งมีเซอร์ไพร์ ตลอดทั้งเรื่อง ที่ไม่สมควรพลาด บอกเลยว่าต้องตระเตรียมกระดาษ หรือผ้า มาซับน้ำตานะคะ รับชมได้แล้ว วันนี้ทุก โรงภาพยนตร์ รีบชมก่อน โดนสปอยล์ค่ะ ”

 

ร่วมสาน ต่อความ มันส์ ระดับตำนาน ของภาคต่อภาพยนตร์ ซูเปอร์ฮีโร่ฟอร์มยักษ์ ที่ทุกคนห้ามพลาด กับ “Marvel Studios’ Black Panther: Wakanda Forever แบล็ค แพนเธอร์วาคานด้าจงเจริญ” ตั้งแต่ วันนี้ เป็นต้นไป ต้องดู ในโรงภาพยนตร์เท่านั้น รวมทั้ง รีบดูก่อนโดนสปอยล์

 

สกาย วงศ์รวี พลิกบท

“สกาย วงศ์รวี” พลิกบทจับคู่แม่-ลูก “ปาน” คลุกคลีแวดวงลอตเตอรี่ รู้ตัวไม่ได้มีพรสวรรค์

พลิกบท คลุกคลีแวดวงลอตเตอรี่ “ปฏิบัติการกู้หวย” ภาพยนตร์ไทยสุดฮาจาก Netflix การันตีโดยผู้กำกับสายคอมเมดี้ “พฤกษ์ เอมะรุจิ” พร้อมสตรีม 16 เดือนพฤศจิกายนนี้ ทำเอาพระเอก หนุ่มหน้าใส “สกาย-วงศ์รวี นทีธร” สุดตื่นเต้น จะต้องมา รับบทเป็น ลูกชาย นักร้องสาวดีว่า “ปาน-ธนพร แวกประยูร” เป็นเคมี แม่ลูกสุดสนุก กับภารกิจ สุดปั่นของคนกลุ่มนึง โชคดีถูกลอตเตอรี่ รางวัลที่ 1 แต่ลอตเตอรี่ กลับถูกกลุ่มมาเฟีย แย่งไป เลยชวน สกายมาเปิดใจ

เรื่องนี้ ผมสวมบทเป็นเต เป็นลูกของ แม่ต้อย ที่แสดง โดยพี่ปาน-ธนพร เป็นครอบครัว ที่อยู่กันสองคนแม่ลูก เพราะพ่อทิ้งไป มีเมียใหม่ตั้งแต่เตยังเด็ก

แม่ต้องหาเลี้ยงอยู่เพียงลำพัง หางาน เปลี่ยนงาน ไปเรื่อย ๆ จนย้าย มากรุงเทพฯ แล้วพบงาน ที่ใช่เป็น การขายลอตเตอรี่ เป็นอาชีพหลัก สำหรับในการทำมาหากิน

สกาย วงศ์รวี จับคู่

สกาย วงศ์รวี คลุกคลี

ความท้าทาย ในบทนี้คือเรื่องของ การที่จะต้องไปเรียนรู้ อินเนอร์ของคนขายลอตเตอรี่

รวมทั้งความรู้สึก ของการอยากมีชีวิต การเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่ง ในเรื่องนี้ผู้แสดง หลักทั้ง 5 คน เป็นคนหาเช้า กินค่ำที่มีเป้าหมาย ในชีวิต ว่าต้องการให้ตนเอง แล้วก็คนที่ เค้ารักมีชีวิตการเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

ซึ่ง สิ่งที่จะช่วยให้ไปถึงเป้าหมาย ได้อย่างเร็วที่สุด ก็คือการ ถูกลอตเตอรี่ รางวัลที่หนึ่ง โดยเหตุนี้ เตในฐานะ คนขายก็ มีความเชื่อนี้ เหมือนกัน นอกเหนือจากขายลอตเตอรี่ แล้วก็จะเก็บลอตเตอรี่ ไว้เองหนึ่ง ใบในทุกงวด”

เรื่องนี้ จะต้องสวมบทเป็น แม่ลูกกับพี่ปาน-ธนพร การทำงานเป็นยังไง?

“ ดีแล้วก็สนุกครับ พี่ปาน เป็นคนที่ทำงาน มืออาชีพมาก ทำอะไร ก็พร้อมทำสุดตัว พี่ตุ๋ย-พฤกษ์ ผู้กำกับ ต้องการที่จะให้ทำอะไรก็ทำ และเป็นคนง่าย ๆ เวลาพักกอง ก็ชวนคุยตลอด ตอนต้นที่เจอกัน พี่เค้าเป็นผู้ใหญ่ ผมก็เกรงใจ เค้าไม่กล้าชวนคุยมาก แต่พี่ปาน ก็มาคุยเรื่องต่าง ๆ เรื่องปฏิบัติธรรมบ้าง ก็สนุกดีครับ พี่ปานเป็น คนมีพรสวรรค์ สำหรับในการแสดงมาก เพราะว่าเค้าเคย เล่นละครเวที มาก่อน

ผมมีความรู้สึกว่า คนที่เล่นละครเวที มาก่อนแล้ว มาเล่นหนัง ซีรีส์ ละคร จะสามารถสื่อสาร ออกมาได้ ถึงผู้ชมได้ดี เพราะว่าเวลา เล่นละครเวที ก็จะต้องส่ง การแสดงไป ถึงผู้ชม ที่อยู่ไกล 100 เมตร

ก็จะต้องส่งไป ให้ถึง เพราะว่าฉะนั้น เรื่องการสื่อสาร อินเนอร์สำหรับในการแสดง ไม่เป็นปัญหา สำหรับพี่ปาน อยู่แล้ว ถ้าเกิดถามถึง ความประทับใจ ทุกคนตั้งใจ มาถ่ายทำเรื่องนี้ เพราะว่าเรื่องนี้ เป็นภาพยนตร์โดย Netflix ด้วย

แล้วก็ทุกคน ก็ตั้งใจ ทำออกมาอย่างมาก แต่ละคน ก็มีความถนัดของตนเอง อย่างพี่แจ๊ส ชวนชื่น พี่แพท-ณปภา พี่สมจิตร จงจอหอ ก็จะถนัด ด้านคอมเมดี้

ฝั่งพี่ปาน มินนี่-ภัณฑิรา ถนัดเรื่อง ของอินเนอร์ ผมมีความรู้สึกว่า เป็นการรวมตัวกัน ที่ค่อนข้างหลากหลาย แล้วก็ เมื่อผลงาน ออกมาก็คงจะ มีอะไร ที่สนุกสนาน ให้ผู้ชม เสมือนที่ พี่ตุ๋ย ผู้กำกับ ให้คำนิยาม เรื่องนี้ว่า เป็นดาร์กคอมเมดี้

เป็นมีความสู้ชีวิต นิดนึง ไม่ได้มี ความคอมเมดี้จ๋า ๆ ผมเห็นว่าความสนุก อยู่ที่เรื่องลอตเตอรี่ ที่เป็นแกนหลัก เพราะว่าผมมีความรู้สึกว่า ลอตเตอรี่

เป็นอะไรที่สามารถ สื่อสารได้ กับทุกคน ลอตเตอรี่ เสมือนกับเป็น ความบันเทิง ของคนไทย แล้วก็ อยู่ในรากของคนไทย หลายชั่วอายุคน ก็เลยคิดว่าผู้ชม จะสามารถเข้าถึง สิ่งนี้แล้วก็ อินไปกับเนื้อหา ของเรื่องได้”

เป็นตอนที่มีผลงาน แสดงต่อเนื่อง รู้สึกเช่นไร ถึงความฮอต ในตอนนี้?

“ ก็ดีครับ มีผลงานต่อเนื่องให้ได้ชมกัน ”

มองการทำงาน ที่เติบโตของตนเอง ณ ช่วงนี้เช่นไร?

“ ผมเห็นว่าเสมือน เป็นสเต็ปของตนเองไปเรื่อย ๆ ครับ เพราะว่าเข้าวงการ มาตั้งแต่ ม. 4 ปัจจุบันนี้ ก็ 8-9 ปีแล้ว

ก็เสมือนค่อย ๆ ไต่ไปเรื่อย ๆ เสมือนพอเรา ผ่านไปเรื่องนึง ก็จะพบเรื่องใหม่ ที่มันมีกำแพง ที่เราจะต้อง ก้าวผ่านไป ได้เรื่อย ๆ แล้วผมก็เป็น คนที่ไม่ได้ เป็นนักแสดง ที่มีพรสวรรค์ อะไรอยู่แล้ว ก็จะต้องเพียรพยายามต่อไปเรื่อย ๆ ในทุก ๆ เรื่อง แล้วก็ตั้งมั่น ทำในทุก ๆ โปรเจกต์ ให้มันออกมาดีขึ้น เรื่อย ๆ ไม่มีคำ ว่าสิ้นสุดใน การพัฒนาตัวเอง”

มีบทบาทไหน ที่สนใจต้องการแสดงภายหลังจากนี้?

“ ผมต้องการเล่น แนวทริลเลอร์ ทริลเลอร์แบบดาร์ก ๆ แล้วก็ แนวแอ็กชัน ที่มีคิวบู๊ ต้องมีคิว มีบล็อกกิ้ง มีความคิดว่าคงจะสนุก ”

ฮอตอย่างงี้เรื่องหัวใจ ปัจจุบันนี้เป็นยังไงบ้าง ยังโสดอยู่รึเปล่า?

“ ก็ดังเดิมครับ (หัวเราะ) ยังโสดอยู่ พึ่งจะมีเพื่อนครับ (หัวเราะ) ”

ณ ตอนนี้ สาวในสเปกเป็นไง หรือพบคนแบบไหน ที่จะทำให้สกายแพ้ทาง?

“ อืม ที่จริงแล้วผม ไม่เคยระบุสเปกเลย ถ้าเกิด เป็นแต่ก่อน จะชอบคนผมยาว เพราะตอนเด็ก ๆ นอนเล่น กับแม่แล้ว ชอบม้วนผม แม่เล่น (หัวเราะ) ”

 

สกาย วงศ์รวี วงการ

ประวัติ สกาย วงศ์รวี นทีธร

สกาย วงศ์รวี นทีธร นักแสดงชาย สังกัดนาดาวบางกอก

เกิดวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2541

ปัจจุบันอายุ 23 ปี สกายเริ่มต้น เข้าแวดวงบันเทิง จากรายการ Hormones The Next Gen รายการ ค้นหา นักแสดง หน้าใหม่ ที่จะมาแสดง ในซีรีส์เรื่อง ฮอร์โมน วัยว้าวุ่น โดยรายการ ได้มาถ่าย ที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย Ffp เวลาที่ทีมงาน กำลังจะกลับ ก็ได้เจอสกาย กำลังเตะบอลอยู่ กับเพื่อน

จึงได้ชวนให้เข้ามา แข่งขันจนเขา ได้ผ่านเข้ารอบ ไปถึงรอบ 40 คนสุดท้าย แล้วก็สกาย ก็ได้มารับบทเป็น พละ ผู้มีเชื้อเอชไอวี ตั้งแต่เกิด ในซีรีส์ ฮอร์โมน วัยว้าวุ่น ซีซั่น 3 ก็ทำให้สกาย มีชื่อเสียงแล้วก็ ได้เข้าเป็น นักแสดงในสังกัด นาดาวบางกอก

ถัดมา สกาย วงศ์รวี นทีธร ได้มีผลงาน การแสดงใน I Hate You, I Love You โดยเขา ได้รับบท โจ หนุ่ม ขายบริการข้างทาง แต่การแสดง ในเรื่องนี้ ได้เสียงตอบรับ ที่ไม่ดีมากเท่าไรนัก

เพราะว่าสกายภาพลักษณ์ ไม่เหมือน ผู้ชายขายบริการ แล้วก็พูดไม่ชัดเจน ที่มาจากการ ที่สกาย เป็นคนเงียบ ๆ ไม่ค่อยพูด ทำให้กล้ามเนื้อที่ลิ้น ไม่ค่อยทำงาน

แล้วก็ในปีพ.ศ. 2560 สกาย ได้แสดงในซีรีส์ Project S The Series ตอน Side by Side พี่น้องลูกขนไก่ โดยเข้าได้รับ การเสนอ ชื่อให้เข้าชิง รางวัลนักแสดงสมทบชาย ของรางวัลนาฏราช ครั้งที่ 9 แล้วก็ปีพ.ศ. 2562 สกาย ก็ได้แสดงเรื่อง My Ambulance รักฉุดใจนายฉุกเฉิน แล้วก็เขายัง ได้ร้องเพลงประกอบซีรีส์ ในเพลง Love Message ร่วมกับ ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ อีกด้วย

ติดตามไอจี สกาย วงศ์รวี นทีธร @skywongravee

 

ฟิล์ม ธนภัทร บัตรแฟนมีต

“ฟิล์ม ธนภัทร” ดีใจ บัตรแฟนมีต ขายหมดเกลี้ยงใน 1 นาที ขอบคุณแฟนจากใจ

ทำเอาหนุ่ม “ฟิล์ม ธนภัทร กาวิละ” ถึงกับปลื้มสุด ๆ หลังประกาศ จัดงานแฟนมีตครั้งแรก ที่จะจัดขึ้น ในวันเสาร์ที่ 3 ธันวาคม ณ Lido Connect Hall 2 กับงาน Film’s First Fan Meeting ซึ่งล่าสุด ได้ทำการ เปิดขายบัตร เป็นวันแรก เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 10 พ.ย.ก่อนหน้าที่ผ่านมา ตั้งแต่เวลา 12.00 น. และ สร้างปรากฎการณ์

ขายบัตร ได้หมดเกลี้ยง ภายในช่วงระยะเวลา 1 นาที แค่นั้น อยากรู้หนุ่มฟิล์ม รู้สึกอย่างไร? ไปฟังกันเลย

“ ดีใจมาก ๆ เลยครับ ที่งานแฟนมีต ครั้งแรกของผม ได้รับการตอบกลับอย่างดี ตอนแรก ผมก็ตื่นเต้น แอบลุ้นว่าบัตร จะหมดวันไหน? พอทีมงาน โทร.มาบอกว่า “ฟิล์ม ๆ บัตรขายหมดแล้วนะ หมดตั้งแต่นาทีแรก ที่เปิดขายเลย” ผมก็ช็อตไปนิดนึง ตกใจเช่นกันครับ เพราะเราไม่คิด ว่าจะได้รับ การตอบรับจาก แฟน ๆ ดีขนาดนี้

หมดเกลี้ยง ฟิล์ม ธนภัทร

อยากขอบคุณ แฟนคลับ ทุก ๆ คน ที่คอยซัพพอต ฟิล์ม ธนภัทร

คอยเป็นกำลังใจ ให้ผมมาโดยตลอด ไม่ว่าผมจะทำงานอะไร หรือ มีโปรเจกต์อะไร ออกมาก็ตาม ขอบคุณจากใจจริง ๆ ครับ ซึ่งในงานแฟนมีตคราวนี้ ผมยังได้ แขกรับเชิญ สุดพิเศษ อย่าง “แจม รชตะ” และ “ตงตง กฤษกร” มาร่วมสร้างสีสัน ความสนุกสนาน ความฟินให้แฟน ๆ กรี๊ด ตลอดทั้งงานอย่างแน่นอน ส่วนตัวผมเอง ก็จัดเตรียม ทำเซอร์ไพรส์แฟน ๆ ไว้เหมือนกัน ต้องการให้ทุกคน มาลุ้นไปพร้อม ๆ กัน สุดท้ายนี้ก็อยากบอก กับทุกคนว่า ขณะนี้ผมนับถอยหลัง เพื่อที่จะได้ไปพบ คุณทุกคนแล้ว อยากที่จะให้มาเจอกันเยอะ ๆ ครับ ส่วนใคร ที่ซื้อบัตรไม่ทัน ก็ขอให้ติดตามที่ เพจ “one connection” กันไว้ให้ดี นะครับผม ว่าจะมีประกาศ ให้ซื้อบัตรเพิ่ม ในทางอื่น ๆ อีกมั้ย เพราะผมเอง ก็อยากให้ทุกคน ได้มารวมตัวกันเยอะ ๆ อยากยิ้ม อยากแชร์ความสุข ความสนุก และ เก็บโมเมนต์เหล่านี้ ไปร่วมกันกับทุก ๆ คนเลยครับผม ”

ติดตามข่าวสาร และ ความเคลื่อนไหวของงานแฟนมีต Film’s First Fan Meeting ของหนุ่ม ฟิล์ม ธนภัทร ที่เพจ “one connection”

ก่อนหน้าหน้า หนุ่มฟิล์ม ธนภัทร เคลียร์ปมมือที่ 3 ปราง-โต้ง เลิกกัน ภายหลังที่นางเอกสาว ปราง กัญญ์ณรัณ วงศ์ขจรไกล ออกมา เปิดใจยอมรับ เคลียร์ถึงความสัมพันธ์ กับอดีตแฟนหนุ่ม นักร้องดัง โต้ง พิทวัส พฤกษกิจ หรือ โต้ง ทูพี ที่จะต้องปิดฉากความรัก 10 ปี อีกหนึ่งพระเอกหล่อ ที่ถูกโยงเอี่ยว เป็นมือที่ 3 ทำรักของทั้งคู่ จะต้องพังทลายลง ซึ่งก็คือ หนุ่ม ฟิล์ม ธนภัทร กาวิละ ก็จะต้องรีบออกมา เคลียร์ในทันที ในงานแถลงข่าว เปิดผังละคร ช่องวัน 31

ซึ่งหนุ่ม ฟิล์ม ก็ได้ชี้แจง เกี่ยวกับประเด็นทั้งหมด พร้อมย้ำชัด ถึงสถานะกับ ปราง เอาไว้ว่า “ก็คือเรื่องธรรดา เราทำงานด้วยกันสนิทกัน รวมทั้งเค้าก็ มีข่าวพอดี มันก็ไม่แปลกที่จะ ถูกโยง ถูกจับตามอง ส่วนตัวผม ไม่ได้ซีเรียสครับ ผมรู้สึกว่าก็เป็นปกติ อยู่แล้วไม่ได้ซีเรียสอะไร ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาก็มีคุยกับปรางบ้าง ก็เข้าใจเขา ตั้งแต่แรก แต่ว่าบอกเลยว่าก็ ไม่ได้มีอะไรจริง ๆ

ส่วนที่คนมองว่าเรา เป็นคนมาดามใจ ปราง ในช่วงนั้น เนื่องจากว่าสนิทกัน มากกว่า เราเล่นกัน เหมือนเป็นพี่น้องกัน คือ ด้วยความ เป็นพระเอก-นางเอก ผมรู้สึกว่าการที่เราสนิทกัน มันทำให้เรา กล้าที่จะเล่น แล้วเต็มที่ เต็ม 100 ทั้งสองฝ่าย มันก็ ทำให้ผลงาน ของเราออกมาดี ผมก็เลย ไม่ได้ซีเรียส กับคำนี้สักเท่าไหร่ เพราะเราก็รู้อยู่แล้ว ว่ามัน จะต้องถูกโยง คือเรื่องธรรดา

ส่วนตัว ปราง แล้วก็เป็นปกติทุกอย่างเลย ซึ่ง ก็มีมาปรึกษา พูดคุยกับเราบ้าง เล็กน้อย แล้วก็ให้กำลังใจ บอกเขาว่า พี่เลือกอะไร มันก็เป็น สิ่งที่ดีที่สุด สำหรับพี่ ส่วนตัวผม ไม่ได้ซีเรียสครับผม เพราะเรารู้อยู่แก่ใจ อยู่แล้วว่าเราไม่ได้ เข้าไปอยู่ ในความสัมพันธ์แบบนั้น คือเราเข้าไป ในความสัมพันธ์ แบบเป็นพี่น้องกัน เพื่อนผู้ร่วมการทำงานกัน เราบริสุทธิ์ใจตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ก็เลยรู้สึกว่า ไม่ได้ซีเรียส กับข่าวนี้

ส่วนตัว ฟิล์ม ก็ยอมรับ ว่าเราก็ชื่นชอบ ปราง อยู่แล้ว หมายถึงว่า เราปลื้มเขา ด้วยความสวยของเขา แต่ว่าอย่างที่ พูดว่าผมเข้าหา พี่ปรางด้วยความสัมพันธ์ ที่เป็นพี่น้องกัน ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เราก็เลย รู้สึกว่าเป็นแบบนี้ มันดีที่สุด ผมว่า มันคือเรื่องของ อนาคตจริง ๆ อะ แต่ว่าตอนนี้มันเป็นความสัมพันธ์แบบพี่น้องจริง ๆ แล้วก็ สบายใจ ที่มันเป็นแบบนี้จริง ๆ ผมว่าเป็นแบบนี้ ในตอนนี้ มันดีที่สุดแล้ว อนาคตก็เรื่องของมัน

เคลียร์ชัด ว่าไม่มีอะไรจริง ๆ แต่ว่าถ้าเกิดถาม ปราง น่ารัก ตรงสเปกไหม รู้สึกว่าพอแก่ ก็เริ่ม ไม่มีสเปกแล้วอะ แต่ว่าถามสวยไหม สวย สวยมาก สวยครับ แต่ว่า ไม่มีอะไรจริง ๆ ครับ” งานนี้ เราก็จะต้องรอติดตาม ความสัมพันธ์ ของคู่นี้กันต่อไป แต่ว่าสถานะช่วงนี้ ชัดเจนว่า ฟิล์ม-ปราง เป็นแค่เพียงพี่น้องกันเท่านั้นนะจ๊ะ

ขอบคุณแฟน ฟิล์ม ธนภัทร

ประวัติ ฟิล์ม ธนภัทร กาวิละ

ฟิล์ม ธนภัทร กาวิละ เกิดวันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2536 ที่จังหวัดสระบุรี สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษา ตอนปลาย จาก โรงเรียนสระบุรีวิทยาคม ระดับอุดมศึกษา จากคณะบริหารธุรกิจ สาขาการเงิน มหาวิทยาลัยกรุงเทพ โดยฟิล์ม ได้รับเกียรตินิยม อันดับ 2 เคยเป็น สจ๊วตสายการบิน ไทยไลอ้อนแอร์ และเคยแข่งขัน DUTCHIE BOY & GIRL 2013

เข้าวงการจากโครงการ “รักฝุ่นตลบ Casting Project” เพื่อค้นหานักแสดงหน้าใหม่ ที่จะเซ็นสัญญา เป็นนักแสดงในสังกัด เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ และร่วม แสดงในซีรีส์ “รักฝุ่นตลบ” เป็นที่รู้จัก จากการรับบทบาท หมออินทัช ใน “เสน่หา Diary ตอน กับดักเสน่หา” และ เพชร ใน “เรือนเบญจพิษ” ผลงานเรื่อง “เมีย 2018” ในบท วศิน ทำให้ฟิล์ม เข้าครอบครองใจ สาว ๆ มากขึ้น และในปี พ.ศ. 2562 ฟิล์ม ได้ผันตัว เป็นนักร้องเต็มตัวครั้งแรก และร้องเพลง ในชีวิตแรกอย่างเพลง คนเดียว กับ อภิวัฒน์ พงษ์วาท

ผลงานละครโทรทัศน์

ปี 2558

เจ้าสาวของอานนท์ รับบท เทอด

ปี 2559

เราเกิดในรัชกาลที่ ๙ เดอะซีรีส์ ประชาชนที่มาร่วมจุดเทียนถวายความอาลัย

ปี 2560

กับดักเสน่หา รับบท น.พ.อินทัช เอกเอื้องอังกูร

ปี 2561

เรือนเบญจพิษ รับบท เพชร
เมีย 2018 รักเลือกได้ รับบท วศิน สินสิริเตชินทร์
หน้ากากแก้ว รับบท รัฐ เกริกไพบูลย์

ปี 2562

ภูตพิศวาส รับบท มารุต กสิกรรม

ปี 2563

รักแลกภพ รับบท พิริยะ ธนาพิทักษ์ (พีท) / พิศ / เพียร ธนาพิทักษ์
ฉันชื่อบุษบา รับบท สรัล
พายุทราย

ปี 2565

ฟ้าเพียงดิน
คุณชาย

ผลงานซีรีส์

ปี 2559

รักฝุ่นตลบ รับบท เต้ (โป้ง : ชื่อสมมติที่มะเหมี่ยวใช้หลอกพีทว่าโป้งคือแฟนตนเอง)

ปี 2562

อรุณา 2019 รับบท วศิน สินสิริเตชินทร์
มิวสิควิดิโอ

ปี 2561

ไม่มีวันปล่อยมือ (เพลงประกอบละคร หน้ากากแก้ว) ศิลปิน ดิว อรุณพงศ์

ผลงานเพลง

ปี 2562

คนเดียว ซิงเกิ้ลแรกในชีวิตของ ธนภัทร กาวิละ จากโปรเจกต์ GRAVITY

รางวัล

รางวัล เอ็มไทย ท็อปทอล์คอะเบ้าท์ 2019 สาขา Top Talk-About Memorable Character 1

ติดตาม ได้ที่ไอจี ฟิล์ม ธนภัทร @film.thanapat

ออม สุชาร์ รักครบ5ปี

ออม หวานรักครบ 5 ปี ฝากตัวกับครอบครัว แอมป์ ฝ่ายชายถูกใจได้ของขวัญเป็นลู่วิ่ง

เพิ่มเติมความหวานกรุบ ๆ สำหรับนางเอกสาว “ออม-สุชาร์ มานะยิ่ง” พึ่งซื้อของขวัญวันเกิด ประทับใจแฟนหนุ่ม นักธุรกิจ “แอมป์-พิธาน องค์โฆษิต” แถมยังมีโมเมนต์ ดินเนอร์กับ ครอบครัวฝ่ายชาย และก็ รูปสวีตครบรอบ 5 ปี เจอ ออม งานเปิดตัวฟิล์มซีรีส์ฟอร์มยักษ์แห่งปี “Finding the Rainbow : สุดท้าย…ที่ปลายรุ้ง” โดย Viu Original ที่โซนอีเดน 1 ศูนย์การค้า เซ็นทรัลเวิลด์ เลยอัปเดตความหวาน

ออม สุชาร์ ฝากตัว

ออม สุชาร์ ถามถึงวันครบรอบ ที่ผ่านมา เข้าปีที่เท่าไหร่แล้ว?

“ ปีที่ 5 แล้วค่ะ แฮปปี้ค่ะ เหมือนเราท่องเที่ยวประเทศอังกฤษ มากับครอบครัวของพี่แอมป์ เรียกว่าใช้โมเมนต์กันจริง ๆ แทบไม่ได้อยู่กันสองคน คืออยู่กับครอบครัวด้วย ”

แอมป์ดูขยันเติมหวาน พาท่องเที่ยวตลอด?

“ จังหวะคือเราถ่ายซีรีส์ Finding the Rainbow จบพอดี แล้วพี่แอมป์ ก็ชวนท่องเที่ยวกับที่บ้านเค้า โอเคเราว่าง และก็เลยไป ความพิเศษก็คือ เหมือนเราได้อยู่กับครอบครัวเค้าไปด้วย ครอบครัวเค้าก็เอ็นดูเรา เสมือนผูกพัน ไปมาหาสู่กันมา 5 ปีแล้ว ”

เป็นลูกสาวของบ้านเค้าไปหรือยัง?

“ ก็ฝากเนื้อฝากตัว มีคุณแม่ น้องสาวของพี่แอมป์ และก็หลาน ๆ ”

มีญาติหรือใคร ในครอบครัวแอมป์มาแนะนำเทคนิค ในการอยู่บ้านนี้บ้างมั้ย?

“ ไม่ขนาดนั้นค่ะ ที่บ้านเค้าสบาย ๆ เหมือนพอจะมา แนะนำเทคนิคมันก็ดู ไม่สบายแล้วใช่มั้ย ทุกอย่างก็สบาย ๆ เป็นธรรมชาติ ”

แล้วมีผู้แนะนำต้องการให้เรา เตรียมอะไรต่าง ๆ บ้างมั้ย?

“ (หัวเราะ) ด้วยความเป็นสายชิล เราตอบแบบนี้มา 5 ปีแล้ว ด้วยความที่พี่แอมป์ เค้าก็ทำงานเยอะมาก ๆ ก็เรื่อย ๆ ค่ะ ”

5 ปี ยังต้องปรับอะไรมั้ย?

“ สำหรับออมขณะนี้คือลงตัวแล้วนะคะ ในความรู้สึกออมมันดู มากกว่านั้น ไม่ได้กุ๊กกิ๊กเหมือนแรก ๆ ที่เจอ มันไม่ใช่อย่างนั้นแล้ว มันเหมือนเรามีอะไรเรา ก็ให้คำปรึกษากัน ปรึกษากัน”

ตั้งแต่รู้จักกันมา ความเป็นแอมป์ที่น่ารักที่สุด ไม่เคยเปลี่ยนเลยเป็นอย่างไร?

“ ความน่ารัก สุภาพ อ่อนโยน ที่ทุกคนเห็นเค้า ความจริงเค้าก็เป็นอย่างนั้นแหละ เวลาอยู่บ้าน เค้าก็เป็นคนพูดเพราะ อ่อนโยน มันไม่ใช่ความมุ้งมิ้ง มันซอฟต์ ๆ ”

มีมุมมุ้งมิ้งมั้ย?

“ คือชอบคนพูดเพราะ ความขี้อ้อนเค้าก็มีบ้างค่ะ แบบว่าพี่อยากกินอันนี้ เค้าจะมาอ้อนให้เรา สั่งให้ เค้าจะไม่ค่อยใช้แอปสั่งอาหาร ”

ด้วยเค้าเป็นคนสุภาพ พูดเพราะ เพื่อน ๆ เรามีเกร็งมั้ย เดี๋ยวจะหลุดพูดไม่เพราะ?

“ ไม่รู้เป็นอะไร เพื่อนออมชอบเกร็งเค้า แรก ๆ ที่พบกันจะมีความเกร็ง ออมก็บอกไม่ต้องเกร็ง จริง ๆ พี่แอมป์เป็นคนสนุกนะ ”

เพื่อนกลัวหลุด คำหยาบ?

“ ก็พูดได้ ไม่เป็นไรเลย เค้าไม่ได้ซีเรียสเลย แต่ด้วยเนเจอร์ของเค้า เหมือนเป็นคนสุภาพ แค่นั้นเอง”

เค้าก็เข้ากับเพื่อนเราได้ดี?

“ ใช่ค่ะ ความจริงคือ เค้าเข้าได้กับ ทุกคนเลย ”

ล่าสุดที่เราซื้อลู่วิ่งให้เค้า ได้เช็กไหม ว่าเค้าได้ใช้หรือยัง?

“ ตั้งแต่ซื้อให้วันเกิด ออมก็ถามนะเค้าบอกใช้ไป 2-3 ครั้งเอง นี่ก็ผ่านไปเดือนนึงแล้ว ด้วยความที่เค้าทำงาน กลับมาดึกก็เหนื่อยแล้ว อีกวันนึงตื่นมาก็ต้องทำงานแต่เช้า อาทิตย์นึง ก็เลยเหมือนมีเวลาออกกำลังกาย เพียงแค่ครั้งนึง คือวันเสาร์ ไม่ก็อาทิตย์ ”

ออมก็บอกเค้าว่า ต้องวิ่งบ่อย ๆ มั้ยเพราะซื้อมาแพง?

“ ก็บอกว่าต้องใช้บ้างนะ การซื้อของขวัญ ให้เค้ามันค่อนข้างจะยาก คิดหัวแตกเลยว่าจะซื้ออะไรให้ดี ปรึกษากับเพื่อน ๆ มีความเห็นว่าที่บ้านเค้ามีลู่วิ่ง ที่ใช้งานมาเกือบ 20 ปีแล้ว นานมาก ออมเลยบอกเปลี่ยนเถอะ อันเก่าคงจะใช้คุ้มแล้วแหละ เลยซื้อใหม่ให้ ซึ่งเค้าก็ชอบมาก ๆ ออมเห็นตอนที่ออมให้ แล้วเค้ายิ้มแบบว่าชอบอะ ”

ครอบครัว ออม สุชาร์

มาถึงในเรื่องของโซเชียล ที่สาว ออม สุชาร์ และแอมป์ ได้อัปเดตความหวาน

ให้กันตลอดเวลา ที่มีเวลาว่าง ลงโซเชียล ให้ได้ชมกัน เปิดคลิปหวาน เซลฟี่ นึกว่าฝาแฝด ออม สุชาร์ – แอมป์ หน้าเหมือนกันมาก จริง ๆ ทำให้เอาหลายคน ตกใจนึกว่าแฝดกันจริง ๆ

เห็นทีคงต้องยก สเตตัส หวานน้อย แต่หวานนะ ให้เลย สำหรับคู่นี้ของ ออม-สุชาร์ มานะยิ่ง และก็ แอมป์-พิธาน องค์โฆษิต ไปครองซะแล้ว

เพราะเหตุว่า ถึงแม้ความรักทั้งสอง จะไม่ค่อยหวือหวาหรือว่า มีช็อตกุ๊กกิ๊กมุ้งมิ้ง ให้ได้เห็นเสมอ ๆ ราวกับบรรดาคู่รักซุปตาร์คู่อื่น แต่ถึงอย่างงั้น แล้วถ้าเกิดมีโอกาสดีจังหวะเหมาะสม เมื่อไหร่ แฟนคลับ ที่ติดตามช่องทางโซเชียลฯ ทั้งของ ออม และก็ แอมป์ ก็มักได้ฟินจิกหมอนตลอด ๆ ตลอดเช่นเดียวกัน

ซึ่งหนึ่งในนั้น ก็รวมทั้งโมเมนต์ปัจจุบัน ที่ถูกเอามาแชร์ผ่านอินสตาแกรม @aom_sushar โดยเป็นคลิปวิดีโอสั้น ๆ แต่ส่งผลต่อหัวใจหนักมาก ด้วยเหตุว่า ภาพที่ปรากฎ เป็นช็อตเอ็กซ์คลูซีฟต์ ของทั้งคู่ขณะนั่งอิงซบกัน พร้อมกับส่งยิ้มหวาน ให้กล้อง

และก็แน่ ๆ ว่างานนี้นอกเหนือจากการที่จะ ทำเอาบรรดาแฟนคลับ พากันชื่นใจที่ได้เห็น มุมโรแมนติกที่นาน ๆ ที จะมีมาเสิร์ฟ ให้ฟินผ่านหน้าจอแล้ว หลายท่าน ก็ยังทักเป็น เสียงเดียวกันด้วยว่า จากคลิปที่เห็น ใบหน้าของ ออม นั้นคล้ายกับ แอมป์ ในบางมุม นับวัน ยิ่งเหมือนยิ่งคล้ายกันมาก ขึ้นทุกวันจริง ๆ

กลัฟ สร้างบ้าน

“กลัฟ” จัดเตรียมงบ 40 ล้าน สร้างบ้านพร้อมสนามฟุตบอล ขอบคุณแฟนคลับทำความฝันให้เกินจริง

คว้าพระเอกหล่อหน้าใสไอดอลคนรุ่นใหม่อย่าง กลัฟ-คณาวุฒิ ไตรพิพัฒนพงษ์ มาเป็นพรีเซนเตอร์เบอร์ใหม่ งานนี้เครื่องดื่ม โออิชิ กรีนที จัดเปิดตัวแคมเปญใหม่ “OISHI GOODNESS OF TEA” อย่างยิ่งใหญ่ โดยใช้ลานหน้าสยามดิสคัฟเวอรี่ แต่กลับเล็กไปถนัดใจ เนื่องจากเหล่าแฟน ๆ ลูกบอลของบิ๊กกลัฟ แห่มาให้กำลังใจแน่นขนัด หลังจากกิจกรรม Exclusive Meet & Greet ของหนุ่ม กลัฟ กับแฟน ๆ เสร็จสิ้นจึงได้พูดคุยกับ กลัฟ อัปเดตประเด็นการงาน ที่นอกเหนือจากละคร “มัดหัวใจยัยซุปตาร์” ทางช่อง 3 ที่คู่กับ เจนี่ แล้วก็หนัง “บัวผันฟันยับ” แล้ว ก็ยังมีคอนเสิร์ต รวมทั้งความคืบหน้าเรื่องบ้านที่ทุ่มเงินกว่า 20 ล้านบาท

กลัฟ เตรียมงบ
เริ่มจาก ถามคอนเสิร์ตที่กำลังจะจัดเร็ว ๆ นี้?

“ ในขณะนี้อยู่ในขั้นตอนเตรียมทุกอย่างกำลังเริ่มฝึกแล้ว เราวางแผนต่าง ๆ ไว้เกือบครบ เกือบ 100% แล้วครับ เหลือแค่ลงปฏิบัติจริง ๆ ”

การแสดงดนตรีในคราวนี้จะพิเศษกว่าที่ต่างประเทศมั้ย เนื่องจากจัดในบ้านเรา?

“พิเศษกว่าครับ เนื่องจากแบบที่ต่างประเทศจะแนวแฟนมีตมากกว่า ขนาดย่อมลงมาหน่อย แต่พอที่ไทยก็จะเป็นการแสดงดนตรีเต็มรูปแบบ”

คอนเสิร์ตบัตรขายหมดเลย รู้สึกอย่างไรบ้าง?

“ดีใจมากเลยครับ และจะต้องขอขอบคุณผู้ใหญ่ใจดี โออิชิ กรีนที มาก ๆ เลยนะครับที่ช่วยกันผลักดันให้เกิดคอนเสิร์ต ในคราวนี้”

จะมีเพิ่มรอบมั้ย?

“จริง ๆ ก็อยากเพิ่มนะครับ แต่ด้วยสถานที่และปัจจัยอะไรหลาย ๆ อย่างด้วย ณ ช่วงเวลานั้นน่าจะเป็นช่วงที่ทุก ๆ คนอัดอั้นจากการจัดคอนเสิร์ตมาจากโควิด-19 ทำให้ฮอลต่าง ๆ ไม่ว่าง เรื่องเพิ่มรอบก็เลยยังไม่แน่นอนครับ”

คอนเสิร์ตคราวนี้จะต้องฝึกอะไรเป็นพิเศษมั้ย?

“ไม่บอกดีกว่า มีแขกรับเชิญด้วยครับ แต่ขออุบไว้ก่อนรอติดตามกันครับ”

นางเอกคนแรกของกลัฟจะมาด้วยมั้ย?

“ไม่รู้เหมือนกันครับ 555 จะต้องลองติดตามกัน”

อัปเดตเรื่องสร้างบ้านหน่อย?

“ ในตอนนี้วางแบบบ้านเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ ได้แบบที่ต้องการแล้ว เลือกแบบที่เราชอบเป็นหลัก และก็จะมีสนามบอลด้วยครับ แต่ไม่ใช่สนามขนาด 11 คนนะครับ เป็นสนามฟุตซอลเอาต์ดอร์เล็ก ๆ แบบเล่นกัน 5-6 คน”

ทำไมถึงอยากมีสนามฟุตบอลในบ้าน?

“ เพราะว่าถ้าเกิดสนามบอลที่อื่น เวลาเลิกงานมา อย่างเลิกกองสี่ทุ่ม เราก็ขี้เกียจอาบน้ำออกไปเตะบอลแล้ว แต่ถ้ามีสนามบอลที่บ้าน ไม่ว่าจะเวลาไหนเราก็สามารถโทร.ชวนเพื่อนมาเตะที่บ้านได้เลย”

พื้นที่บ้านหลังนี้เท่าไหร่?

“ไม่ถึง 1 ไร่ครับ”

กลัฟ พร้อมสนาม
นอกเหนือจากสนามบอลแล้ว มีอะไรพิเศษในบ้านอีก?

“ก็น่าจะเป็นห้องน้องแมวครับ ต้องการให้น้องมีที่วิ่งเล่นมากกว่าอยู่คอนโดในตอนนี้”

งบสร้างบ้านเท่าไหร่ แล้วจะบานมั้ย?

“ น่าจะโดยประมาณ 20 ล้าน ก็นับว่าจากน้ำพักน้ำแรง ถ้าเกิดถามว่าจะบานมั้ย ก็น่าจะบานอยู่แล้วล่ะครับ เพราะว่าเห็นพี่ ๆ ที่รู้จัก ใครทำบ้าน ส่วนมากงบบานกันทั้งนั้น”

เตรียมบานไว้กี่เปอร์เซ็นต์?

“100% เลยละกันครับ เพราะว่าไม่รู้ว่าเราจะอยากได้อะไรเพิ่มเติมอีกมั้ย จะต้องรอดูตอนบ้านเสร็จ”

บ้านหลังนี้จัดว่าเก็บหอมรอมริบมากี่ปี?

“ก็ตั้งแต่เริ่มทำงาน โดยประมาณ 3-4 ปีได้ ก็ภูมิใจมากเลยครับ เพราะความฝันเราตอนแรกก็ไม่ได้ใหญ่โต แค่ซื้อบ้านได้ ดูแลครอบครัวได้ แต่วันนี้เป็นสิ่งที่ประสบความสำเร็จมา มันก็มาไวมากเหมือนกัน จะต้องขอบคุณแฟน ๆ ทุกคนที่ให้การสนับสนุนผมตลอดมาครับ”